กฟผ.ประกาศรายชื่อโรงสกัดที่ผ่านการประกวดราคาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ

กฟผ.ประกาศรายชื่อโรงสกัดที่ผ่านการประกวดราคาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ

กฟผ.ประกาศรายชื่อโรงสกัดที่ผ่านการประกวดราคาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบให้กฟผ. ล็อตแรก 1 แสนตัน ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ 

นายธวัชชัย จักรไพศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.เตรียมประกาศรายชื่อโรงสกัดน้ำมันปาล์มที่ผ่านการประกวดราคาเสนอขายน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) ปริมาณรวม 1 แสนตัน ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ หลังจากได้เปิดให้โรงสกัดฯยื่นเสนอราคาเมื่อวันที่ 16พ.ค.) โดยกำหนดราคากลางในการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 16.50 บาทต่อกิโลกรัม และจะลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มล็อตแรก ปริมาณ 50,000 ตัน ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ และถัดไปอีก 1 สัปดาห์จะเรียกลงนามซื้อขายน้ำมันปาล์มล็อตที่สอง อีก 50,000 ตัน โดยหลังลงนามสัญญาฯแล้วจะต้องส่งมอบน้ำมันปาล์มที่คลังสุราษฎร์ธานีภายใน 15 วัน


ทั้งนี้ ผลจาการตรวจสต็อกน้ำมันปาล์มดิบของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พบว่า มีโรงสกัดฯที่สามารถเข้าร่วมซื้อขายน้ำมันปาล์มฯให้กับ กฟผ.ได้ จำนวน 149 แห่ง ซึ่งมีเงื่อนไขว่า โรงสกัดฯแต่ละแห่งจะต้องมีสต็อกน้ำมันปาล์มไม่ต่ำกว่า 50%
ส่วนการนำน้ำมันปาล์มฯล็อตใหม่ 1 แสนตันไปป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบงปะกงนั้น คาดว่า จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้ หลังจากที่ปริมาณน้ำมันปาล์มฯที่ กฟผ.ซื้อล็อตแรก 1.6 แสนตันจะปั่นไฟฟ้าหมดในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ จากนั้นจะหยุดตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องจักรประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจึงเริ่มป้อนน้ำมันปาล์มฯล็อตใหม่เพื่อผลิตไฟฟ้าต่อไปได้


ขณะที่การจัดซื้อน้ำมันปาล์มอีกล็อตปริมาณ 1 แสนตัน ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 ให้ครบ 2 แสนตันนั้น ยังต้องรอประเมินสถานการณ์ราคาปาล์มในตลาดหลังจากที่กฟผ.ซื้อในปริมาณ 1 แสนตันเสร็จสิ้นในเดือนพ.ค.นี้ก่อน ซึ่งหากราคาปาล์มปรับขึ้นถึงราคาเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อกิโลกรัม ก็อาจไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำมันปาล์มดิบในล็อตต่อไป 1แสนตัน ดังนั้น ยังต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง


“การจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบของกฟผ.เพิ่มขึ้นอีก 2 แสนตัน จากที่ซื้อไปแล้ว 1.6 แสนตันนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าของประเทศ เพราะเป็นการใช้เงินในรูปแบบรายจ่ายเพื่อสังคม(PSA)ของ กฟผ. มาดำเนินการ”