'อภิสิทธิ์' ไม่รู้ตั้งรบ.ขั้วที่3 ยอมรับคุยแชทขำๆ กับ 'อนุทิน'

'อภิสิทธิ์' ไม่รู้ตั้งรบ.ขั้วที่3 ยอมรับคุยแชทขำๆ กับ 'อนุทิน'

"อภิสิทธิ์" ไม่รู้จัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 อนค. เสนอ "อภิสิทธิ์-อนุทิน" นายกฯ และไม่รู้ว่าเป็นไปได้หรือไม่

เมื่อวันที่ 11 พ.ค.62 นายอภิสิทธิ์​ เวชชาชีวะ​ อดีตหัวหน้า​พรรค​ประชาธิปัตย์ กล่าว​ถึง กระแสข่าว การจัดตั้งรัฐบาล​ขั้วที่​ 3 รวมถึงการที่พรรคอนาคตใหม่ ​ อาจเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์และนายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ หัวหน้า​พรรค​ภูมิใจ​ไทย ​ เป็นนายกรัฐมนตรี​ ว่า​ ตนไม่ทราบ​ แต่เมื่อวาน​นี้ก็คุยไลน์ขำๆ กับนายอนุทิน​ในเรื่องกระแสข่าวต่างๆ​ ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึง การประชุมคัดเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัต​ย์คนใหม่​ในวันที่​ 15​ พ.ค.​นี้ ว่า​ เป็นกระบวนการ​ของพรรค​ที่มีความเป็นประชาธิปไตย​​ โดยการประชุมเป็นไปอย่างสร้าง​สรรค์ ถือ​เป็นหน้าที่ของสมาชิกในการตัดสินใจเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่​ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าแคนดิเดต​หัวหน้าพรรค​มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกนั้น​ ยืนยันว่าไม่มีปัญหา​​ คนในพรรคทำงานร่วมกันได้ทั้งหมด​ ทุกคนรู้จักกันดี​ เคยทำงานร่วมกันมา​ ส่วนตนยืนยันว่าสามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้​

เมื่อถามถึงความชัดเจนที่พรรคประชาธิปัตย์​จะร่วมกับพรรคการเมืองใดในการจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์​กล่าวว่า​ ต้องขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่​ รวมถึง ส.ส.ภายในพรรค​ จะมีการพิจารณา​ถึงแนวทางดังกล่าว​ ซึ่งตามข้อบังคับ​พรรค​ การตัดสินใจจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล​กับฝ่ายใด​ ก็เป็นอำนาจของกรรมการบริหาร.และ ส.ส.ที่ต้องมาลงความเห็นกัน​ แต่ในการประชุมพรรควันที่​ 15​ พฤษภาคม​ ตนคาดว่าคงไม่มีการหารือในเรื่องดังกล่าว​

ส่วนกรณีที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์​จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี​ 7​ ที่นั่ง ว่า​ กระแสข่าวลือถือเป็นเรื่องธรรมดา​ เพราะขณะนี้เรายังไม่ทราบมติของที่ประชุมกรรมการบริหารชุดใหม่ ส่วนตัว​ได้มีการพูดคุยภายในพรรคว่าเราจะสนับสนุนใคร​ แต่ยังไม่ใช่ข้อยุติ​

เมื่อถามถึงการวางตัวหรือบทบาทในสภาผู้แทนราษฎร​ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า​ เมื่อได้เข้าไปเป็น ส.ส.แล้ว​ ตนยังไม่คิดว่าจะทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร​หรือจะสนับสนุน​ใคร​เป็นประธานสภาฯ เพราะยังไม่ทราบว่าจะมีการเปิดสภาในช่วงไหน นอกจากนี้​ ยังไม่คิดที่จะรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงใด เบื้องต้นขอทำหน้าที่ ​ส.ส.ก่อน​ ขณะนี้ขอให้ทุกอย่างเป็นตามกระบวนการของสภา​