'ซีพีเอฟ'กำไรไตรมาส 1/62พุ่ง40%เหตุราคาหมูฟื้นตัว

'ซีพีเอฟ'กำไรไตรมาส 1/62พุ่ง40%เหตุราคาหมูฟื้นตัว

' เจริญโภคภัณฑ์อาหาร' ไตรมาส1/62กำไรสุทธิ 4.27 พันล้าบาท เพิ่มขึ้น 40 %จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุ ธุรกิจสุกรทั้งในประเทศและต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น พร้อมตั้งเป้ายอดขายอีก 5 ปีอยู่ที่ 8 แสนล้านบาท โตเฉลี่ยปีละ 6-7 %

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF แจ้งไตรมาส1/2562 มีกำไรสุทธิ 4,279.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,048.62 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากธุรกิจสุกรในประเทศไทย เวียดนามและกัมพูชา ปรับตัวดีขึ้น เพราะ ภาวะราคาสุกรซึ่งลดต่ำลงอย่างมากในช่วงไตรมาส1/2561 ได้กลับสู่ภาวะปกติรวมทั้งการบริการจัดการการผลิตที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 125,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น4 %จากงวดเดียวกันของปีก่อน

นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ซีพีเอฟ กล่าวว่า สถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF (African Swine Fever) ที่เกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ว่า อาจมีผลกระทบต่อราคาสุกรในพื้นที่ที่เกิดโรคเป็นปัจจัยที่อาจทำให้เกษตรกรมีความกังวลและรีบขายสุกรที่ยังไม่เป็นโรคเข้าสู่ตลาดก่อนเวลาอันควร ทำให้เกิดภาวะล้นตลาดในระยะสั้น ขณะเดียวกัน ผลจากการเกิดโรค ASF จะทำให้สุกรในพื้นที่เกิดโรคมีจำนวนน้อยลง อาจส่งผลให้ระดับราคาสุกรสูงขึ้นจากภาวะเนื้อสุกรขาดตลาด

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่อาจมีความผันผวนบ้างจากผลกระทบของภาวะราคาสุกรในประเทศเวียดนามที่ยังไม่นิ่งจากการเกิดโรค ASF และผลการดำเนินงานส่วนใหญ่ในกิจการอื่นๆ ดีขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนการลงทุนนั้นบริษัทได้ให้ความสำคัญในการต่อยอดธุรกิจหรือเพิ่มมูลค่าให้กับกิจการ เช่น การเข้าซื้อบริษัท Hylife ซึ่งดำเนินธุรกิจสุกรเกรดพรีเมี่ยมในประเทศแคนาดาส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น ประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีน และมีอัตราการทำกำไรที่ดี ซึ่งผลการเข้าซื้อน่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

ทั้งนี้หากรวมการเข้าลงทุนในประเทศแคนาดา ซีพีเอฟจะมีฐานการดำเนินกิจการใน 18 ประเทศ ซึ่งหลายประเทศนั้นยังมีโอกาสในการขยายธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารอีกมาก เช่น ในประเทศจีน เวียดนาม รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ดังนั้น การเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากกิจการในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายยอดขายในอีก 5 ปีที่ 800,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี โดยมีสัดส่วนยอดขายมาจากกิจการในต่างประเทศประมาณ 75% ของยอดขายรวม