พฤกษา รุกแตกเซ็กเมนท์พรีเมียม แก้เกมอสังหาฯซบ

พฤกษา รุกแตกเซ็กเมนท์พรีเมียม แก้เกมอสังหาฯซบ

พฤกษา ลุยแตกเซ็กเมนท์พรีเมียม แก้เกมภาพรวมตลาดอสังหาฯซบเซา เข็นดีมานด์เฉพาะ ปั้นแบรนด์แชปเตอร์ เจาะคนรุ่นใหม่ ชิงตลาดกลางบน 5-10 ล้าน

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท - พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมกลุ่มพรีเมียมในปี 2562 ว่า มีแผนเปิดตัวตลาดคอนโดพรีเมียม 5 โครงการ มูลค่า 12,450 ล้านบาท แบ่งเป็นแบรนด์ แชปเตอร์ 

(CHAPTER) จับกลุ่มตลาด คอนโดหรู พรีเมียม (High-End)ราคา 5-10ล้านบาทต่อยูนิต ได้แก่ แชปเตอร์ ทองหล่อ 25, จุฬาฯ สามย่าน และ แชปเตอร์ เจริญนคร -ริเวอร์ไซด์ รวม 3โครงการ มูลค่ารวม 8,000ล้านบาท และ เดอะ รีเซิร์ฟ 2 โครงการ ย่านประสานมิตรและพญาไท มูลค่า 2,450ล้านบาท

โดยเซ็กเมนท์ราคา 5-10 ล้านบาท ถือเป็นเซ็กเมนท์ที่พฤกษา มีมูลค่าในตลาดไม่มาก อยู่อันดับ 4ในตลาด

ในปี 2562 มีตั้งเป้าหมายยอดขาย จากโครงการระดับพรีเมียมที่ 7,500 ล้านบาท คิดเป็น 15% ของเป้าหมายยอดขายรวมที่ 54,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายในกลุ่มสินค้าพรีเมียมแล้วประมาณ 6,100 ล้านบาท คิดเป็น 87% ของเป้ายอดขาย

“ตอนนี้ใครๆก็ขาดความเชื่อมั่นตลาดอสังหาฯซบเซา พฤกษาฐานะเบอร์หนึ่งด้านยอดขายในตลาดต้องขับเคลื่อนตลาดฟื้นความเชื่อมั่น โดยวางแผนที่จะหาเซ็กเมนต์เฉพาะ ที่มีช่องว่าง เป็นดีมานด์ที่แท้จริง (Real Demand) เพื่อสร้างเอสเคิร์ฟตัวใหม่ส่งแบรนด์แชปเตอร์ราคา 1.5-2แสนต่อ ตร.ม.ดันรายได้ในเซ็กเมนท์พรีเมียม”

เขายังกล่าวต่อว่า กลุ่มธุรกิจพรีเมียมของพฤกษาได้เข้าไปสำรวจตลาดความต้องการพบว่า ตลาดที่ยังมีความต้องการและมีโอกาสรุกชิงส่วนแบ่งคือกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ (Modern investor)และกลุ่มคนเริ่มทำงาน (First Jobber)สัดส่วนต้องการซื้อคอนโดสัดส่วน20-30% ซึ่งตลาดอสังหาฯในไทยได้พัฒนาขึ้นอีกระดับ ไม่ใช่ผู้ซื้ออยู่อาศัยเดิมอีกต่อไป แต่ตลาดเริ่มมีความซับซ้อนมีผู้ซื้อหลากหลายขึ้น ทั้งนักลงทุนต่างชาติ และซื้อให้เช่า หรือเพื่อการลงทุน รวมถึงคนรุ่นใหม่ เป็นเซ็กเมนท์ใหม่ที่ต้องวางกลยุทธ์เข้าไปทำตลาด

สำหรับ แนวโน้มยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการระดับพรีเมียม (ระดับราคาขาย 5 ล้านบาทขึ้นไป) ในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2562-2564) คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการระดับพรีเมียมไว้ที่จำนวน 5,000 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 10% ของเป้าหมายรายได้รวมที่ 40,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1/2562 มีการรับรู้รายได้ในกลุ่มสินค้าระดับพรีเมี่ยมแล้วจำนวน 1,552 ล้านบาท

สำหรับตลาดรวมคอนโดในไตรมาสแรกมูลค่ารวม 53,00 ล้านบาท โดยตลาดรวมคอนโดมิเนียมลดลง 25% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา