มีโอกาสดีดตัว

มีโอกาสดีดตัว

SET Index เมื่อวานนี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคโดยมีปัจจัยลบกดดันจากประเด็นสงครามการค้ารอบใหม่

หลังปธน.สหรัฐขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากระดับ 10% โดยหุ้นกลุ่ม Big Cap ที่กดดันตลาดได้แก่ ได้แก่ PTT EA PTTEP ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,654.01 จุด (-15.67 จุด) Volume 5.5 หมื่นลบ. จาก Foreign -1,885.16 ลบ. TFEX Net +868 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ +768 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 2.24 จุด +0.01% ดีดตัวสู่แดนบวกเล็กน้อย ขานรับข่าวจีนมีความต้องการทำข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ

+ราคาน้ำมัน WTI ดีดตัว +72 เซนต์ +1.2% ปิด 62.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันลดลงสัปดาห์ที่แล้วสวนทางคาดการณ์

+เช้านี้จีนเปิดเผยดัชนี PPI เดือนเม.ย. +0.9%YoY ดัชนี CPI +2.5%YoY

+กนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% ตามคาด ประเมินศก.ไทยมีสัญญาณชะลอตัวกว่าคาดที่ 3.8% ซึ่งจะทบทวนอีกครั้งในการประชุมวันที่ 26 มิ.ย.

+ กกต.ประกาศรับรองส.ส.บัญชีรายชื่อได้รับจัดสรร 26 พรรคการเมืองทันภายในกำหนด 9 พ.ค. ส่วนศาลรธน.มีมติเอกฉันท์สูตรปาร์ตี้ลิสต์ไม่ขัดรธน.

+กกร.คงเป้า GDP-ส่งออกปี 62 แต่จับตาความเสี่ยงการค้าโลกในช่วงที่เหลือของปี-นโยบายรัฐบาลใหม่

- จีนจะดำเนินมาตรการตอบโต้ หากสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวันศุกร์นี้ ส่วนทรัมป์เปิดเผยว่าจีนละเมิดข้อตกลงการค้าเป็นเหตุให้สหรัฐประกาศขึ้นภาษี

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD -1.42 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 31.80 บาท/US

*จับตาสหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนี PPI ยอดนำเข้า-ส่งออก และดุลการค้า

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสดีดตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ราคาน้ำมันดีดตัว และปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลได้  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,640-1,660 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ : SE-ED COL LPN PSH SPALI QH ROBINS BJC CENTEL ERW
  • หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุนในดัชนี MSCI แต่ยัง Laggard (ราคาปรับขึ้นต่ำกว่า 5%YTD) : BH TRUE IRPC PTTGC BDMS CPN
  • หุ้นได้ประโยชน์จากฤดูร้อน : เครื่องปรับอากาศ (SNC KOOL) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (EA BCPG SSP GUNKUL) เครื่องดื่ม(TACC SAPPE ICHI  OISHI  OSP  CBG

หุ้นรายงานพิเศษ

HMPRO Analyst meeting (ราคาปิด 15.8 บาท Bloomberg consensus 16.9 บาท)

  • รายงาน 1Q62 กำไรสุทธิ 1,420 ลบ. +14%YoY ถึงแม้ว่ารายได้รวมของบริษัทจะเติบโตเล็กน้อยเพียง 4% สู่ 16,553 ลบ. แต่การปรับเปลี่ยนส่วนผสมสินค้าทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจาก 9% ในปี 61 มาอยู่ที่ 26.1% รวมถึงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 2% เป็นผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับสูงขึ้นจาก 7.8% ในปี 61 สู่ 8.6%
  • UPDATE : ในช่วง 2Q62 จะมีการปรับเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS15 จะมีการปรับย้ายรายการรายได้และต้นทุนบางส่วน ซึ่งจะส่งผลให้ %GPM และ %SG&A ลดลงเล็กน้อย แต่โดยสุทธิแล้ว %EBIT ไม่เปลี่ยนแปลง
  • เรามีมุมมองบวกต่อแผนเติบโตปี 62 : แม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลง แต่คาดว่าผลประกอบการของบริษัทยังคงเติบโตดี จากปัจจัย 4 ประการดังนี้ 1) การเติบโตของสาขาภายในประเทศ โดยมีแผนเปิดสาขาเพิ่มทั้งหมด 7-8 สาขา แบ่งเป็น Homepro 2 สาขา HomeproS 3-4 สาขา และ Megahome 2 สาขา บริษัทมีเป้าการเติบโตยอดขายของสาขาเดิม (SSSG) ราว 3% 2) สาขาที่ Malaysia เริ่มขาดทุนน้อยลง จากการบริหารภายในและการปรับ Product Mix 3) เพิ่ม Margin โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนสินค้า Private Brand ราว 5% จากปี 61 อยู่ที่ระดับ 19.6% และ 4) แนวโน้มยอดขาย 2Q62 ยังคงเติบโตดีจากยอดขายเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากอากาศร้อนที่ยาวนานกว่าปกติ โดย Bloomberg consensus คาดกำไรปี 62 เฉลี่ย 6,379.71 ลบ. +13.7%YoY

หุ้นมีข่าว   

III Analyst Meeting (ราคาปิด 5.80 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 7.77 )

·         รายงานกำไรสุทธิ 1Q62 ที่ 43 ลบ. +66%YoY โดยหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงราว 19%YoY สู่ 80 ลบ. และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจาก 4 ลบ. ใน 1Q61 เป็น 16 ลบ.จากการเข้าซื้อกิจการ DG Packaging และ Around Logistic Management ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงจาก 20% ในช่วง 1Q61 เหลือ 17% เนื่องจากต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ่นโดยเฉพาะจากธุรกิจ Air Freight จากเส้นทางการขนส่งที่เปิดใหม่แต่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง และจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

·         บริษัทยังคงเป้ารายได้ในปี 62 เติบโตราว 20% โดยแบ่งได้เป็น 1) ธุรกิจ Air Freight โดยล่าสุดบริษัทได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนขายระวางสินค้าให้กับสายการบิน US Bangla Airlines (บินตรงสู่บังคลาเทศ)  2) ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก คาดปริมาณการขนส่งจะเพิ่มขึ้นในช่วง Q2 และ Q3 เนื่องจากเป็นช่วง High Season 3) ธุรกิจ Logistics มีแนวโน้มเติบโตในลูกค้ากลุ่ม E-commerce 4) ธุรกิจ Chemical เนื่องจากมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาใช้พื้นที่คลังสินค้า ทำให้คาดว่าอาจมีการขยายพื้นที่ใน 3Q62 อีกทั้งในช่วง  2Q62 บริษัทจะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก Around Logistics Management เข้ามาเต็มไตรมาส โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของบริษัท จากการเติบโตของธุรกิจขนส่งอย่างต่อเนื่อง และมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มขึ้น โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 เฉลี่ยที่ 200 ลบ. +32%YoY

MTC Conference Call (ราคาปิด 47.75 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 56.69)

·         1Q62 มีกำไรสุทธิ 1,005 ลบ. +20.5%YoY สินเชื่อใหม่ 2.5 หมื่นลบ.+48%YoY มีสาขา 3,444 สาขาจาก 3,300 สาขา ณ ปลายปี 61 ผู้บริหารคงเป้าเปิดสาขาใหม่ปีนี้ 600 สาขา คงเป้าสินเชื่อเติบโต 30-35% การที่ yield ลดลง ผู้บริหารอธิบายว่า yield แต่ละผลิตภัณฑ์ยังคงเดิมแต่การบันทึกสัญญาแบบใหม่ตามเกณฑ์ธปท.(ลดต้นลดดอก คิดดบ.รายวันตั้งแต่ 1 ก.พ.) และจำนวนวันทำการที่หายไป 2 วันในเดือนก.พ.ทำให้รายได้ลดลง คาด yield 2Q62 จะทรงตัว outlook จะดีขึ้นใน Q2-Q4 ที่มีวันทำการมากกว่า Q1

·         ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของสินเชื่อและผลประกอบการ รวมทั้งคุณภาพลูกหนี้ที่ยังดี credit cost ทรงตัวที่ระดับ 1%  ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 62 เฉลี่ย 4,829 ลบ. +30%

·         MOONG รายงานกำไรสุทธิ 1Q62 ที่ 52 ลบ. +64%YoY โดยหลักมาจากกำไรจากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 50 ลบ. สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัท ไทยพีเจ้น ลดลงอย่างมีนัยสำคัญราว 34%YoY สู่ 15.5 ลบ. โดยหากคิดเฉพาะผลการดำเนินปกติจะมีผลขาดทุนสุทธิที่ 13 ลบ. ลดลงเมื่อเทียบกับ 1Q61 ที่กำไร 8 ลบ.

·         + APCO จับมือพันธมิตรจีน บริษัท กวางตุ้ง โกลด์ฟิกเกอร์ ฟาร์มาซูติคอล ไบโอเทคโนโลยี ลุยขยายตลาดผลิตภัณฑ์เสริมสำหรับผู้ป่วย HIV/AIDS เผยอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตใช้ และใบอนุญาตขาย พร้อมจัดตั้งศูนย์ดูแลผู้ติดเชื้อคาดใช้เวลา 2 ปี ด้านภาพรวมรายได้ปี 2562 คงเป้าหมายการเติบโตที่ 5-10% (ที่มา : ทันหุ้น)

·         - GLOW แจ้งงบไตรมาส 1/62 กำไรสุทธิเหลือ 1,901.20 ล้านบาท ลดลง 27.30% จากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ และมีการเปลี่ยนนโยบายทางการบัญชี กระทบการรับรู้รายได้จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน (ที่มา : ข่าวหุ้น)

·         + BGRIM (ราคาปิด 32.25 บาท Bloomberg consensus 34.48 บาท) รับข่าวดี! กกพ.ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากเอสพีพีโคเจนฯที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 62-68 ต่อไปอีก 25 ปี เหตุมีโรงไฟฟ้า 4 แห่ง “ABP1-ABP2-BPLC-SPP1” ที่เข้าข่ายร่วมโครงการนี้ได้ (ที่มา : ข่าวหุ้น)

·         + AIT แจ้งงบไตรมาส 1/62 โชว์กำไรสุทธิ 102.8 ล้านบาท โต 52.5% ตุนแบ็กล็อกกว่า 7,000 ล้านบาท เดินหน้าส่งมอบงานโครงการขนาดใหญ่ต่อเนื่อง หนุนรายได้ปี 62 โตตามเป้า 5,000 ล้านบาท (ที่มา : ข่าวหุ้น)

·         -  THCOM ประกาศงบไตรมาส 1/2562 พลิกขาดทุน 33 ล้านบาท เหตุรายได้จากการขายและบริหารลดลง และมีขาดทุนจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า (ที่มา : ข่าวหุ้น)

·         + ตลท.ปลดเครื่องหมาย C หุ้น MPIC ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. หลังงบ Q1/62 มีส่วนผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50%