'บีอีเอ็ม' ชนะคดีปรับค่าผ่านทางทางพิเศษศรีรัชส่วนดีปี 46

'บีอีเอ็ม' ชนะคดีปรับค่าผ่านทางทางพิเศษศรีรัชส่วนดีปี 46

ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ ' เผย อนุญาโตตุลาการ ชี้ ขาด ให้ กทพ.ชำระค่าเสียหายและดอกเบี้ย คดีปรับอัตราค่าผ่านทางทางพิเศษศรีรัช ส่วนดีปี 46 จำนวน 1.04 พันล้านบาท ดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญโครงการฯ พร้อมค่าเสียหายเป็นเงินผลส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทางฯ แต่กทพ.

นางพเยาว์ มริตตนะพรกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ว่า จากที่ บริษัทได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2551 เพื่อเรียกร้องให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ชำระค่าส่วนต่างรายได้ค่าผ่านทางตามประกาศกระทรวคมนาคม ฉบับลงวันที่ 29 ส.ค. 2546 กับอัตราค่าผ่านทางที่ถูกต้องตามสัญญานั้น เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2562 บริษัท ได้รับทราบคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2562


ทั้งนี้คณะอนุญาโตตุลาการ ได้มีมติเอกฉันท์ ชี้ขาด ให้กทพ.ชดใช้ ค่าเสียหายให้บริษัท คดีปรับอัตราค่าผ่านทางทางพิเศษศรีรัช ส่วนดี ปี 2546 ดังนี้ 1. ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 1,048.23 ล้านบาท และดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ข้อ 25.6 ของต้นเงินต่าเสียหาย จำนวน 914.35 ล้านบาท คิดเป็นรายวันแตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2551 จนกว่า กทพ.จะชำระเสร็จสิ้น 2. ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินผลต่างส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทางตามอัตราค่าผ่านทางตามประกาศกระทรวงคมนาคมฉบับลงวันที่ 29 ส.ค. 2546 กับส่วนแบ่งที่บริษัทมีสิทธิจะได้รับตามสัญญา โดยคำนวณตามจำนวนรถยนต์แต่ละประเภทที่ใช้ทางตามจริง เป็นรายวัน นับจาก วันที่ 1 มิ.ย.2551- 31 ส.ค. 2551รวมทั้งดอกเบี้ยผิดนักตามสัญญาข้อ 25.6 ของผลต่างส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทาง นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่บริษัทจนเสร็จสิ้น

ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ค. 2545 บริษัท สามารถยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อให้ศาลทำการบังคับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลากรภายใน 3 ปี นับแต่วันที่อาจบังคับตามคำชี้ขาดได้ ในขณะที่ กทพ.อาจขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดได้ โดยยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำชี้ขาด