แผ่วลง

แผ่วลง

SET Index วานนี้ปรับตัวลง โดยระหว่างวันแกว่งตัวบวกสลับลบในกรอบแคบๆ ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีอะไรใหม่ และรอความชัดเจนประเด็นการเมือง ขณะที่กลุ่มพลังงานกดดันตลาดจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,666.68 จุด (-0.47 จุด) Volume 3.7 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -62.40 ลบ. TFEX Net +5,227 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ +582 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ดัชนี DJIA +11.06 จุด +0.04% ขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐพุ่งและความหวังการเจรจาการค้ารอบใหม่สหรัฐ-จีน นลท.จับตาผลประกอบการบจ.และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

+น้ำมัน WTI +20 เซนต์ +0.3% ปิด $63.50 ต่อบาร์เรล ขานรับคาดการณ์อุปทานน้ำมันโลกตึงตัวหลังสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน มีผล 2 พ.ค.

+ สหรัฐเปิดรายงานการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนมี.ค.  + 0.9% เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 9 ปีครึ่ง สูงกว่าคาด ได้แรงหนุนจากจากคำสั่งซื้อรถยนต์ และการใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพ

+ สหรัฐยังเปิดเผย ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ม.ค.61 ทรงตัวเมื่อเทียบรายเดือน +1.6% เมื่อเทียบรายปี

+ รมว.คลังสหรัฐเผยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนกำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย จะมีการเจรจารอบใหม่ในสัปดาห์นี้ที่กรุงปักกิ่ง

+ก.คลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าที่ประชุมครม.วันนี้

-ปัจจัยการเมืองยังวุ่นวายจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

- ดัชนีเศรษฐกิจการเกษตรในเดือนมี.ค. 62 -4.03%YoY จากดัชนีราคาและดัชนีผลผลิตปรับตัวลดลง  ดัชนีรายได้เกษตรกรมีแนวโน้มทรงตัวในเดือนพ.ค.

- จีนรายงานดัชนี PMI ภาคบริการ-ภาคการผลิตเดือนมี.ค. ลดลงแต่ดัชนียังสูงกว่า 50

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 31.905 บาท/US

* วันนี้จับตาธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจ / ประชุมครม. / สหรัฐ-จีนเจรจาการค้ารอบใหม่

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มแผ่วลงกังวลตัวเลขศก.จีนชะลอตัวและปัจจัยการเมืองในประเทศที่ดูวุ่นวาย โดยมีปัจจัยหนุนจากครม.ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,660-1,678 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • กลุ่ม Defensive : กลุ่มค้าปลีก(CPALL MAKRO) กลุ่มท่องเที่ยว(AOT CENTEL ERW) กลุ่มโรงพยาบาล (BCH) กลุ่มโรงไฟฟ้า (EGCO RATCH)
  • หุ้นเข้าใหม่คำนวณในดัชนี MSCI-EM : CENTEL, RATCH, INTUCH, DTAC
  • หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุนในดัชนี MSCI แต่ยัง Laggard (ราคาปรับขึ้นต่ำกว่า 5%YTD) : BH TRUE IRPC PTTGC BDMS CPN HMRPO SCC
  • หุ้นได้ประโยชน์จากฤดูร้อน : เครื่องปรับอากาศ (SNC KOOL) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (EA BCPG SSP GUNKUL) เครื่องดื่ม(TACC SAPPE CHI  OISHI  OSP  CBG

หุ้นรายงานพิเศษ

THANI Analyst Meeting (ราคาปิด 6.30 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 7.95)

รายงานกำไรสุทธิ 1Q62 ที่ 496 ลบ. เติบโต 37%YoY จาก 1) รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 15%YoY สู่ 863 ลบ. ตามการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อและบริการที่เกี่ยวข้องได้ต่อเนื่อง 2) ลูกหนี้มีคุณภาพดีขึ้นส่งผลให้ %npl ลดลงจาก 3.7% ในสิ้นปี 61 เหลือ 3.6% และคชจ.หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 76%YoY

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแผนการดำเนินงานในปี 62 ถึงแม้ว่าในไตรมาส 1 จะปล่อยสินเชื่อได้เพียง 1,687 ลบ. ซึ่งต่ำกว่าเป้าราว 300 ลบ. แต่บริษัทได้ปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพดีขึ้น ส่งผลให้การตั้งสำรองหนี้สูญลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับแนวโน้มการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะหนุนให้บริษัทสามารถรักษาระดับต้นทุนทางการเงินได้ที่ 2.42% โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิปี 62 ที่ราว 1,904 ลบ. เติบโต 16%YoY ทั้งนี้การปรับโครงสร้างใหม่หลัง TCAP ควบรวมกับ TMB บริษัทได้ย้ายไปอยู่ภายใต้การควบคุมของ TCAP แทน TBANK ซึ่งคาดจะมีผลกระทบค่อนข้างต่ำ

หุ้นมีข่าว   

·         ARIN (IPO Roadshow) mai : พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ราคา IPO 3.10 บาท

บริษัท อรินสิริ แลนด์ จำกัด (มหาชน) (ARIN) ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ภายใต้แบรนด์ “อรินสิริ” ในพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น จังหวัดชลบุรีและระยอง ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาและขาย 3 โครงการ มูลค่ารวม 2.2 พันลบ. ได้แก่ โครงการอรินสิริ สปอร์ต วิลเลจ มูลค่าโครงการ 1.3 พันลบ. โครงการอรินสิริ คันทรี ฮิลล์ มูลค่าโครงการ 502 ลบ. และโครงการอรินสิริ ไพรเวซี่ มูลค่าโครงการ 360 ลบ.

ผลงานในอดีต 3 ปีย้อนหลัง (ปี 59-61) บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานเท่ากับ 84 ลบ. 389 ลบ. และ 380 ลบ. ตามลำดับ มีอัตรากำไรขั้นต้น(%GPM) เท่ากับ 33.1%, 31% และ 31.4% ตามลำดับ มีกำไรสุทธิเท่ากับ –11 ลบ. 37 ลบ. และ 26 ลบ. ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (%NPM) เท่ากับ NA, 9.5% และ 6.9% ตามลำดับ สาเหตุของการขาดทุนในปี 59 คือ เริ่มมีการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการอรินสิริ สปอร์ต วิลเลจเป็นปีแรก แต่ยังไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการบริหาร

แผนการดำเนินงานปี 62 : ผบห.วางแผนจะรับรู้ 3 โครงการเดิมทั้งหมดในปีนี้ โดยมีมูลค่าโครงการคงเหลือรวมราว 1.1 พันลบ. ปีนี้มีแผนทยอยเปิดตัว 4 โครงการใหม่  แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 1 โครงการ ทาวน์โฮม 1 โครงการ และ คอนโด 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.2 พันลบ. 

บริษัทเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชน(IPO) ราคา IPO 3.10 บาท จำนวน 150 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.50 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ของการใช้เงิน คือ  1) เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงการ และ/หรือ การเข้าลงทุนในที่ดินเพื่อพัฒนา 2)  เพื่อชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ และ 3) เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

·         SCC (ราคาปิด 458 บาท Bloomberg Consensus 503.18 บาท) รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านบาท -6%YoY และมียอดขาย 1.12 แสนล้านบาท
- 5%YoY จากการลดลงของผลการดำเนินงานธุรกิจเคมีภัณฑ์ทั้งในส่วนของมาร์จิ้นและราคาขายสินค้าที่ปรับตัวลดลง 10-20% ตามความต้องการในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังสิ้นไตรมาส 2/62 ทั้งนี้ 2Q62 มีโอกาสได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองคชจ.พนักงานประมาณ 2,000 ล้านบาท และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ซึ่งมีสัดส่วนกำไรมากที่สุดถึง 52% ยังมีแนวโน้มลดลงจาก 1Q62 บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนเป้าหมายยอดขายจากเดิมที่คาดเติบโต 5-10%

·         + TVD  รีแบรนดิ้งองค์กรอายุครบ 20 ปีปรับโมเดลธุรกิจใหม่รับมือพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เน้นใช้กลยุทธ์ Omni Channel เชื่อมโยงทุกช่องทางทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และร้านค้าปลีก ปรับเปลี่ยนจากเดิมเป็นเพียงผู้จำหน่ายสินค้าใช้โมเดล TV shopping มาเป็นผู้ให้บริการ Video Marketer มีครบทั้งภาพ เสียง และคอนเทนต์  วางงบลงทุนในช่วง 3 ปีที่ 1,460 ล้านบาท  ผู้บริหารวางเป้ารายได้ที่ 4,800 ลบ. +20% และเติบโตเป็น 8,000 – 9,000 ลบ.ภายในปี 64  ผลการดำเนินงาน 2Q62 มีแนวโน้มดี YoY เนื่องจากเป็นช่วงก่อนเลือกตั้ แต่ลดลง QoQ 

·         HMPRO (ราคาปิด 15.80 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 16.90) รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,420 ลบ. +14%YoY ถึงแม้ว่ารายได้รวมของบริษัทจะเติบโตเล็กน้อยเพียง 4% สู่ 16,553 ลบ. แต่บริษัทได้ปรับเปลี่ยนส่วนผสมสินค้าทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจาก 25.9% ในปี 61 มาอยู่ที่ 26.1% รวมถึงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 2% เป็นผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นจาก 7.8% ในปี 61 สู่ 8.6% โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิปี 62 ที่ 6,370 ลบ. +13.5%YoY

·         COMAN จะตั้งบริษัทร่วมทุนถือหุ้น 51% ให้บริการ-คำปรึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการและพัฒนารายได้ให้กับโรงแรม คาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/62