พปชร.ดูดตั้งรัฐบาล ทั้งที่ผวาปมร้อนหุ้นสื่อ

พปชร.ดูดตั้งรัฐบาล ทั้งที่ผวาปมร้อนหุ้นสื่อ

ยังถือว่าสมฉายา "จอมดูด" อย่างแท้จริง สำหรับ "พลังประชารัฐ" ที่ยังคงรักษามาตรฐานได้ดีไม่มีตกมาตั้งแต่ตั้งพรรคใหม่ๆ เป็นเจ้าบุญทุ่มดึงคนนั้นคนนี้เข้าพรรคไม่หยุดหย่อน

 แม้หลังเลือกตั้ง ความพยายามดูดก็ยังแรงดีไม่ตก ยังคงตั้งแท่นดูดพรรคร่วมมาฟอร์มรัฐบาล มีข่าวกระเส็นกระสายมาตลอด ว่าไปดูดพรรคนั้นที พรรคนี้ที ล่าสุดก็ถึงคิว เพื่อชาติ-ประชาชาติ” ที่มีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ เพื่อชาติ แม้อาจจะไม่ได้ยกมาทั้งโขยง คือ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั้ง 5 คน 

แต่มีเสียงลือกันว่า มีบางคนบางกลุ่มในพรรค ไม่ค่อยจะแฮปปี้กับสิ่งที่เป็น อาจจะมีว่าที่ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อชาติ แค่ 1 คนมีมาเท่านั้น

วงในบางคนของ พลังประชารัฐ ก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข่าวดังกล่าว แต่จับท่าทีคงจะมาแน่ รวมถึงลูกพรรค เศรษฐกิจใหม่ ที่เป็นว่าที่ส.ส. 5 คน ก็มีแนวโน้มสูงที่จะมาจอยตั้งรัฐบาลกับ พลังประชารัฐ แม้ก่อนหน้านี้ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” หัวหน้าพรรค จะออกมาแถลงว่าไม่ร่วมกับ พลังประชารัฐ ก็ตาม ไม่รู้ว่าการแถลงครั้งนั้นของ มิ่งขวัญ” จะเป็นการแถลงในนามพรรค ที่ไม่มีผลหรือสามารถดึงลูกพรรคได้หรือไม่

แต่ดูเหมือนบางคนใน พลังประชารัฐตอนนี้มั่นอกมั่นใจ ถึงขนาดออกปากว่า “มาหมด” ตอนนี้มีเสียงส.ส.รวมเกิน 250 แล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลา 9 พ.ค.นี้ ที่ “กกต.” จะประกาศผลเลือกตั้งและรับรองส.ส.อย่างเป็นทางการเท่านั้น

อีกเรื่องที่กำลังกลายเป็นไฟลามทุ่งไปแล้ว สำหรับเรื่องการถือหุ้นสื่อของว่าที่ส.ส.ทั้งหลาย ที่ถูกร้องกันไปร้องกันมา ต่างฝ่ายต่างจ้องสอย หวังเตะตัดขาลดจำนวนส.ส. โดยเฉพาะบรรดาตัวเป้งๆ อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่าที่ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หรือแม้แต่ “ชาญวิทย์ วิภูศิริ” กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และว่าที่ส.ส.กทม.

หากพบว่าถือหุ้นสื่อจริงก็ถือว่าเข้าข่ายขัดคุณสมบัติว่าไม่มีสิทธิลงสมัคร ส.ส.ตั้งแต่ต้น ตามที่รัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กำหนด กรณีของ ชาญวิทย์ที่โดนร้องว่าถือหุ้นสื่อนั้น ข้อเท็จจริงที่เจ้าตัวหอบเอกสารชี้แจ้งที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ปรากฎว่าธุรกิจหลักคืออสังหาริมทรัพย์ แต่ในหนังสือบริคณห์สนธิก็ดันไประบุว่าทำสื่อวิทยุและโทรทัศน์พ่วงไปด้วย

ไม่รู้ว่าเจ้าตัวผวาหรือไม่อย่างไร นักข่าวพยามต่อสายตรงถึงก็ไม่รับสาย วงประชุมกรรมการบริหารพรรคที่ถกประเด็นนี้ ก็ไม่มีใครยอมช่วยชี้แจงหรือพูดถึงเรื่องนี้สักคน ต่างเด้งเชือกรักษาตัวด้วยการหลบกันเป็นแถว มันเลยรู้สึกทะแม่งๆ ว่าเอาเข้าจริงแล้ว เรื่องที่โดนร้องเข้าข่ายความผิดจริงอย่างนั้นใช่หรือไม่

แต่ที่แน่ แกนนำพลังประชารัฐ” ออกอาการผวา กลัวจะลามไปถึงว่าที่ส.ส.ในพรรคอีกหลายคนจะโดนร้องตามกันไปด้วย