บุกรวบ 'เทรนเนอร์' คดีหื่นอื้อ หลอกสาวฟิตเนสบังคับข่มขืน

บุกรวบ 'เทรนเนอร์' คดีหื่นอื้อ หลอกสาวฟิตเนสบังคับข่มขืน

"กองปราบ" บุกรวบ "เทรนเนอร์หนุ่มวัย21" หลอกสาวฟิตเนสบังคับข่มขืน ตรวจประวัติพบคดีอื้อ

จนท.ชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ป. รวมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.8 และ สภ.คลองหลวง ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายเกียรติศักดิ์ อายุ 21 ปี บ้านอยู่ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. , พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป , พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผบก.สส.ภ.8 , พล.ต.ต.สมเกียรติ ฤทธิ์เลื่อน ผบก.สส.จชต. , พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ, พ.ต.ท.เผด็จ งามละม่อม รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย สว.กก.5 บก.ป.

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนายกอล์ฟ เดิมเคยเป็นเทรนเนอร์อยู่ในตัวเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี และมักมีพฤติกรรมติดพันกับสาวผู้มาใช้บริการฟิตเนสอยู่เป็นประจำ โดยเมื่อผู้ต้องหาเห็นว่าเหยื่อหลงเชื่อ หรือตายใจ ก็มักจะนัดผู้เสียหายให้ไปพบตามห้องพัก จากนั้นก็จะใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืนเหยื่อจนสำเร็จความใคร่ ซึ่งคดีในลักษณะดังกล่าวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 3 คดี คือ

1. คดีอาญาที่ 3715/59 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 59 ฐานความผิด “ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น,ทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ”

2. คดีอาญาที่ 3606/60 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 60 ฐานความผิด “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้,พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่ถึงสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่ออนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย,พาบุคคลอายุเกินกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและพยายามกรรโชคทรัพย์”

3. คดีอาญาที่ 4133/61 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 61 ฐานความผิด “พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ไปเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย , พาบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด , ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ”

ก่อนที่คดีล่าสุดจะไปก่อเหตุที่ พื้นที่ สภ.คลองหลวง และผู้เสียหายคดีล่าสุดนี้ก็รู้จักกับผู้ต้องหาตั้งแต่อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเช่นกัน ต่อมาผู้ต้องหาได้ตามผู้เสียหายมาถึงหอพักนักศึกษาเพื่อมาก่อเหตุ ก่อนจะหลบหนีหายไป ซึ่งทางผู้เสียหายก็ได้เข้าแจ้งความไว้กับ สภ.คลองหลวง จนพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ตามหมายจับที่ 37/62 ลงวันที่ 23 ม.ค. 62 ในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ , ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.5 บก.ป. ได้สืบทราบมาว่า ผู้ต้องหาได้กลับมากบดานอยู่กับมารดาที่บ้านเช่าในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านพักหลังดังกล่าว จนกระทั่งพบนายเกียรติศักดิ์ฯ จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแสดงหมายจับ และจับกุมตัว โดยนายเกียรติศักดิ์ฯ ให้การรับภาคเสธว่าได้กระทำจริง แต่ว่าในช่วงดังกล่าวเป็นแฟนกับผู้เสียหาย โดยภายหลังเลิกกัน ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงควบคุมตัวนายเกียรติศักดิ์ฯ นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป