หุ้นกลุ่มการเงินกดดันดาวโจนส์ปิดตลาดแดนลบ

หุ้นกลุ่มการเงินกดดันดาวโจนส์ปิดตลาดแดนลบ

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวันจันทร์ (22เม.ย.)ปรับตัวลง เพราะถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลง ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น สวนทางตลาดตามการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 48.49 จุดหรือ 0.18% ปิดที่ 26,511.05 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  เพิ่มขึ้น 2.94 จุดหรือ 0.10% ปิดที่ 2,907.97 จุดและดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 17.21 จุดหรือ 0.22% ปิดที่ 8,015.27 จุด

การซื้อขายเป็นไปอย่างเงียบเหงาในวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปิดทำการเนื่องในวันอีสเตอร์

หุ้นกลุ่มการเงินและอุตสาหกรรมดิ่งลงนำตลาดในวันนี้ ขณะที่กลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นสวนทางตลาด ตามการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัสพุ่งขึ้นกว่า 2% ทะลุ 65 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมประกาศยกเลิกคำสั่งผ่อนผันให้ 8 ประเทศนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน พร้อมกับเตือนว่า หากประเทศเหล่านี้ยังคงนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ก็จะถูกสหรัฐคว่ำบาตร

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากภาวะตึงตัวในตลาดน้ำมัน จากการลดลงของสต็อกน้ำมันสหรัฐ, การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมทั้งการที่สหรัฐทำการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 มากกว่า 140 แห่งจะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้

ขณะนี้ บริษัทจำนวน 76.5% ในดัชนีเอสแอนด์พี500 สามารถรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และดีกว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะรายงานผลประกอบการลดลง 4.2% ในไตรมาสแรก

บริษัทฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยรายได้ และกำไรสูงกว่าคาดในไตรมาสแรก โดยเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 5.737 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.530 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ บริษัทมีกำไร 23 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 22 เซนต์/หุ้น