'ประวิตร' สั่งสแกน3มิติ ร่วมพระราชพิธีฯ ยันถวายความปลอดภัยสูงสุด

'ประวิตร' สั่งสแกน3มิติ ร่วมพระราชพิธีฯ ยันถวายความปลอดภัยสูงสุด

"ประวิตร" เปิดกอ.ร่วมราชพิธี ทำงาน 24 ชม. เชื่อมโยงข้อมูลทุกจุด สั่งสแกน 3 มิติ "ดิน-ฟ้า-อากาศ" ทุกตารางนิ้ว ตั้ง "ผบช.ภ. 6" โซน คุมพื้นที่ สั่งติดตามทุกการข่าว-ความเคลื่อนไหว พร้อมปรับแผนรับทุกสถานการณ์ ยันถวายความปลอดภัยสูงสุด สมพระเกียรติ

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.62 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายวิทยา ยาม่วง ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางน้ำ รักษาการในตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ร่วมกันแถลงข่าวหลังการประชุมกองอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัย และอำนวยการการจราจรพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่วว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานการประชุม และเป็นประธานในพิธีเปิดกองอำนวยการร่วมฯที่ ห้องยุทธนาธิการกระทรวงกลาโหม นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 7 เมษายน 2562 โดยกองอำนวยการร่วมฯแห่งนี้จะทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานที่เกี่ยวข้องกับการถวายความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านการจราจรทุกอย่าง ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมในพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการข่าว ปรากฏว่าพี่น้องประชาชนคนไทยต่างมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมในทุกจังหวัดเป็นอย่างดียังไม่ปรากฏข้อมูลข่าวสารใด ที่ส่งผลกระทบต่อพระราชพิธีต่างๆ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวแสดงความห่วงใย และได้สั่งการไว้ทั้งหมด 7 ประเด็น ได้แก่

1. จะมีการประชุมทุกวันในเวลา 9.00 น. โดยจะมีประธานทั้งในส่วนของหน่วยงานกระทรวงกลาโหมผบ. เหล่าทัพ ตำรวจ หมุนเวียนกันเป็นประธานในแต่ละระดับ รวมถึง 40 หน่วยงาน ที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน ในการถวายความปลอดภัย ดูแลจราจร โดยก่อนเวลา 12.00น. ของทุกวันจะมีการสรุปผลการประชุมรายงานให้รองนายกรัฐมนตรีได้รับทราบ เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป

2 .ให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องติดตามข่าวสารข่าวกรอง รวมถึงข้อมูลต่างๆอย่างใกล้ชิด เกาะติดการข่าวทุกๆสถานการณ์ เพื่อจะได้ปรับแผนปฏิบัติ และวางแนวทางต่างๆให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง

3.ได้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 6 โซน ในการดูแลความปลอดภัย และการจราจร โดบมอบหมายให้ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 6 คน พร้อมตัวแทนของฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น ร่วมปฏิบัติ หน้าที่ด้วยกันทั้ง 6 โซน ซึ่งต้องไปพิสูจน์ทราบ ข้อมูลส่วนบุคคลยานพาหนะ วัสดุอุปกรณ์สิ่งของเครื่องใช้ ทั้งบนฟ้าในน้ำในอากาศ บนดิน สแกนทุกอย่าง ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไปจนสิ้นสุดพระราชพิธี อย่างครบถ้วน ให้รู้ข้อมูลในพื้นที่อย่างละเอียด และ วางแผนปรับแผนให้ทันกับสถานการณ์

4 .ต้องมีการซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติงานในระดับ ผู้ปฏิบัติและผู้บังคับบัญชา รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมปฏิบัติ ผู้ใต้บังคับบัญชา ต้องเข้าใจตรงกันในขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อมีสถานการณ์ใดขึ้นมาทุกคนต้องรู้หน้าที่ตัวเอง ว่าจะต้องทำอะไร

5 .ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้ง 6 โซนและจุดคัดกรองทั้ง21จุดที่มีอยู่ เราได้นำเทคโนโลยีทั้งของตำรวจและทหาร ฝ่ายข่าวกรอง กสทช. รวมถึงโทรคมนาคมต่างๆ ทั้งระบบสแกนใบหน้า การพิสูจน์ทราบตบุคคลระบบฐานข้อมูล CCTV ต่างๆ ทั้งหมด ให้ดำรงการติดต่อสื่อสารได้ตลอดเวลาในการเชื่อมโยงข้อมูลทุกจุดมายังกองอำนวยการร่วมฯตลอด 24 ชั่วโมง

6 .ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ โดยเฉพาะผู้บัญชาในระดับโซน และจราจรต้องลงลึก เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติทุกหน่วย โดยเป็นการทำงานลงในรายละเอียดจริงๆ ในทุกพื้นที่ การรายการจราจรก็ต้องตรวจดูทั้งในแยก ในซอยบุคคล รถยนต์เข้า-ออกที่เป็นประจำ มีการวางระบบอย่างชัดเจน

7.ข้าราชการทุกนายถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสุด ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่นี้ขอให้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ที่สุดให้สมพระเกียรติและเป็นไปตามพระราชประสงค์

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พูดถึงจิตอาสาต่างๆ ทั้งจิตอาสาประชาชน จิตอาสาจากส่วนราชการ รวมถึงจิตอาสาเฉพาะกิจ จะมีการฝึกอบรมตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.นี้เป็นต้นไป อยากเชิญชวนพี่น้องประชาชน ทั้งในส่วนของพิธีการเย็นนี้ จนถึงวันที่ 2 -6 พ.ค.นี้มาร่วม เป็นส่วนหนึ่งของพิธีอันยิ่งใหญ่ของคนไทย กองอำนวยการร่วมฯ จะทำหน้าที่ ดูแลรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะเราถือว่าพี่น้องประชาชนทุกคนเป็นแขกของพระองค์ท่าน โดยจะมีการจัดไฟส่องสว่างเพื่ออำนวยความสะดวกของประชาชนที่จะต้องอยู่ในช่วงเวลากลางคืนรวมถึงการจัดที่รองนั่งเช่นเดียวกับช่วงที่ประชาชนมาร่วมงาน ร.9

ขณะที่พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงการปิดการจราจร ในช่วงเช้าของริ้วขบวนจากกระทรวงมหาดไทยถึงวัดสุทัศน์ จำนวน 7 เส้นทางในวันนี้มีความเรียบร้อยดีและในช่วงเย็นจะมีพิธีเสกน้ำอภิเษกที่วัดสุทัศน์ โดยจะไม่มีการปิดการจราจรแต่จะอำนวยความสะดวก ส่วนในวันที่ 19 เมษายน จะมีพิธีเชิญน้ำอภิเษก จากวัดสุทัศน์ไปพระบรมมหาราชวังจะปิดช่องทางจราจร 16 เส้นทางตั้งแต่ 6:00 นถึง 11:00 น เป็นระยะทาง 1,890 กิโลเมตร ที่ริ้วขบวนจะเดินผ่าน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยยืนยันว่าจะทำให้กระทบกับประชาชนน่อยที่สุด ในวันนี้ที่ 21 เมษายน จะเป็นการซักซ้อมริ้วขบวนพยุหยาตราสถลมารค จะมีการเตรียมความพร้อมให้มากยิ่งขึ้นโดยจะไปเส้นทาง 40 เส้นทาง ตั้งแต่เวลา 16:00 ถึง 22:00 น อย่างไรก็ตามถ้าประชาชนสงสัยสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 1 197 และ www.police.go.th

ด้านนายวิทยา ยาม่วง ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ได้เตรียมรถโดยสารทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 960 คัน ใน 27 จุด จาก 16 เส้นทาง เพื่อนำประชาชนเข้าร่วมพระราชพิธี ขณะที่พื้นที่ภายในกรุงเทพฯจะจัดรถชัตเติ้ลบัสรับส่งประชาชนใน 16 เส้นทางในระหว่างวันที่ 2- 6 พฤษภาคม รวมทั้งการรถไฟแห่งประเทศไทยนอกจากจะมีการจัดรถบริการประชาชนจากขบวนรถปกติจะเพิ่มขบวนรถพิเศษจากนครปฐมมหาชัยอยุธยาและฉะเชิงเทรา รวมทั้ง จัดเรือข้ามฟากและเรือด่วนเจ้าพระยาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทาง ขณะที่เดียวกันได้เตรียมรถยกไว้ช่วยเหลือประชาชนประสบปัญหารถเสีย ซึ่งการดำเนินการจะใช้โมเดลในงานพระราชพิธีสำคัญอื่น