โรดแมพและไทม์ไลน์ เลือกตั้งจะเข้าเป้าไหม...

โรดแมพและไทม์ไลน์ เลือกตั้งจะเข้าเป้าไหม...

ตกลงแล้ว รัฐบาลแห่งชาติ น่าจะส่อแววแท้ง หลังมีบางคนจุดพลุขึ้นในช่วงสงกรานต์ แต่เรื่องนี้ใช่ว่าจะไร้มูลความเป็นไปได้ เพราะความจริงเรื่องนี้ ลือมาพักใหญ่แล้ว สำหรับ คนการเมือง หลังการรู้ผลเบื้องต้นเลือกตั้งผู้แทนฯ

เมื่อ ขั้วหนุนลุงตู่ ไม่สามารถขึ้นแท่นเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ในเบื้องต้น และ ขั้วต้านลุงตู่ ก็ประกาศชัยไม่ได้เต็มปาก จากนั้นคำว่า รัฐบาลแห่งชาติ ก็เริ่มลอยลมในแวดวงคีย์แมนหลายพรรคให้นำไปไตร่ตรอง

โดยเฉพาะขั้วต้านลุงตู่นั้น มองแล้วว่าขั้วตัวเองยากที่จะเข้าเส้นชัยในอันดับหนึ่ง และรอความหวังบางอย่างให้บังเกิดเพื่อจะได้สมปรารถนา ส่วนขั้วต้านลุงตู่นั้น จี้และแซะ กกต. ให้ตอบชัดๆ เพื่อจะได้รู้ดำรู้แดงกันไป เพราะเสียงที่ไม่ขาดนั้นทำให้ทั้งสองขั้วขยับอย่างไรก็ไปต่อยาก

พูดง่ายๆ ไม่มีใครหายใจทั่วท้อง....

และข้อมูลลับของทั้งสองขั้วสะท้อนมาว่า "แต่ละขั้วอย่ายอม ต้องเดินให้สุดทาง” โดยคนในขั้วหนุนลุงตู่ก็มองเพียงว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขั้วนี้เข้าวินแน่นอน.... ส่วนขั้วต้านลุงตู่ก็หวังให้เลือกตั้งโมฆะหลังอะไรๆไม่ชัดแจ้ง

แต่บนความจริงในยามนี้ มันจะยากทั้งคู่ที่จะสมหวัง แต่ในเมื่อ "ขิงก็รา ข่าก็แรง” มันคงไม่จบแบบแฮปปี้ เอ็นดิ้ง ฉะนั้นเมื่อยามต้องออกหน้าสื่อ มันย่อมจำเป็นที่แกนนำของแต่ละขั้วต้องแสดงบทค้านประเด็นนี้กันเต็มที่

และยิ่งเห็นชัดว่า วันวานหลังการประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติ และมองว่าประเทศถึงทางตันจริงแล้วหรือไม่ โดยกล่าวเพียงว่า “ไม่มีความเห็น”

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวช่วงหนึ่งด้วยว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่จิตสำนึก ในเรื่องความขัดแย้งก็เช่นเดียวกัน อยู่ที่จิตสำนึกว่าทุกคนต้องการให้บ้านเมืองเป็นอย่างไร มีความสงบปลอดภัย รักษาความสงบเรียบร้อยหรือไม่...

สิ่งที่ลุงตู่สื่อออกมา...ย่อมตีความได้หลากมุม เพียงแต่กาลนี้ ลุงตู่ เลือกนิ่งไว้ก่อน แต่ทราบมาว่าลุงตู่ยังแอบหวังว่ากระบวนการที่จะตอบเรื่องนี้ให้มันยุติลงได้ทันเวลา และคงจะเร่งหาวิธีที่มิให้ บัวช้ำ-น้ำขุ่น

แต่หากมันมิบังเกิดได้ด้วยเหตุใดก็ตาม บางคำพูดที่พอมองเห็นทางออกเล็กๆของ ขั้วหนุนลุงตู่ ที่แต่ละฝ่ายมิอาจมองข้ามคือสิ่งที่ ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป กล่าวว่า ตามที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ หากได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรไม่มาก เสียงเพียงปริ่มน้ำจะบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ เพราะจะมีปัญหาในการพิจารณาผ่านกฎหมายต่างๆ รวมทั้งการพิจารณากฎหมายงบประมาณแผ่นดิน

แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหาดังกล่าว เพราะเห็นว่ากฎหมายที่พิจารณาโดยรัฐบาลในสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงกฎหมายงบประมาณแผ่นดิน เป็นกฎหมายที่สามารถดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ได้

โดยใช้การพิจารณากฎหมายในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งตนมั่นใจว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะมีเสียง ส.ส. และส.ว. สนับสนุนในรัฐสภา มากกว่า 500 เสียง ทำให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินไปได้ด้วยความมั่นคง

แปลความง่ายๆ ไพบูลย์ น่าจะเอาแค่ร่างกฎหมายงบประมาณให้คลอดออกมาเพื่อให้ระบบการเงิน การคลังเดินหน้าไปก่อน เพราะมองแล้วมันอาจจะมีอะไรแปรปรวน และฝ่ายการเมืองก็ต้องพร้อมที่จะรับสภาพที่อาจแปรปรวนได้ทุกขณะ