MINT - ซื้อ

MINT - ซื้อ

ตกหลุมอากาศช่วงสั้น; แนะนำรอซื้อช่วงราคาหุ้นปรับลง

แนวโน้มผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 1/62 จะกดดันราคาหุ้นก่อนที่จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 14 พ.ค. เราแนะนำนักลงทุนวางแผนรอซื้อในช่วงราคาหุ้นปรับตัวลดลงก่อนกำไรประกาศเนื่องจากเราคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/62-3/62 จะกลับมาน่าสนใจได้อีกครั้ง โดยราคาที่ควรเข้าซื้อจะอยู่ที่ 35-36 บาท ซึ่งคิดเป็น PER ปี 2562 อยู่ที่ 23.8-24.5 เท่า ใกล้เคียงกับระดับที่ปรับฐานล่าสุดของ MINT ในปี 2561 เรายังคงคำแนะนำพื้นฐาน “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 44 บาท (ต่ำกว่ามูลค่าคิดลดกระแสเงินสด 20%, WACC ที่ 7.9% และ terminal growth ที่ 2.0%)

สัญญาณไฟเหลืองไตรมาส 1/62

ผลประกอบการไตรมาส 1/62 คาดว่าจะมีหลายทิศทาง โดยภาพรวมธุรกิจโรงแรมยังคงดีอยู่ แต่ในกลุ่มธุรกิจอาหารยังคงอ่อนแอ สำหรับรายได้เฉลี่ยต่อห้องของ NH ซึ่งเป็นเจ้าของนั้น (คิดเป็น 42% ของรายได้โรงแรมที่เป็นเจ้าของ) คาดว่าจะเติบโตเพียงเลขหลักเดียว YoY (สอดคล้องกับเป้าหมายของผู้บริหาร) รายได้เฉลี่ยต่อห้องของโรงแรมในประเทศไทย (คิดเป็น 24% ของรายได้จากโรงแรมที่เป็นเจ้าของ) ยังคงแข็งแกร่งในกรุงเทพ แต่อ่อนแอในต่างจังหวัด ทรงตัว YoY สำหรับโรงแรมแห่งอื่น รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (ไม่รวมโรงแรม NH) เราคาดว่าจะเติบโตเป็นเลขสองหลัก YoY ในแอฟริกา ซึ่งเติบโตเป็นเลขหลักเดียวในระดับสูงในโปรตุเกส เติบโตเป็นเลขหลักเดียวในระดับกลางสำหรับมัลดีฟส์ และเติบโตเป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำสำหรับโอ๊คส์ ทั้งนี้บราซิลคาดว่าจะรายงานผลประกอบการในไตรมาส 1/62 ที่แย่ที่สุด เป็นผลมาจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร ในไตรมาส1/62 อ่อนแอจากยอดขายสาขาเดิมที่จะลดลง 6.5% YoY และ 3.0% สำหรับอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา

กำไรอ่อนตัวอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น

กำไรหลักในไตรมาส 1/62 ประมาณการว่าอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาทซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/55 และลดลงถึง 22% YoY และ 32% QoQ (ปรับตัวด้อยกว่ากลุ่มเมื่อเทียบ QoQ) เนื่องจากกำไรหลักปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (ลดลงจาก 11.2% ในไตรมาส 1/61 และ 6.4% ในไตรมาส 4/61 มาอยู่ที่ 4.1% ในไตรมาส 1/62) โดยสาเหตุหลักนั้นมาจากดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มเป็นสองเท่า YoY มาอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาทและการขาดทุนในช่วงโลว์ซีซั่นเป็นปกติของ NH (การประมาณการผลขาดทุนหลักอยู่ที่ 20 ล้านยูโรในไตรมาส 1/62 เมื่อเทียบกับผลขาดทุน 37 ล้านยูโรในไตรมาส 1/61 และกำไรสุทธิอยู่ที่ 25 ล้านยูโรในไตรมาส 1/61 จากกำไรพิเศษ)

จากนั้นกำไรจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเติบโตไปข้างหน้า

ในปี 2562 NH วางแผนที่จะรายงาน EBITDA เติบโต 7.5% มาอยู่ที่ 92 ล้านยูโร จากผลประกอบการในไตรมาส 2/62-4/62 การลงทุนใน NH จะสร้างกำไรในไตรมาส 2/62 เต็มรูปแบบในเดือนเม.ย.- มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน การพลิกกลับมาทำกำไรอยู่ที่ 60 ล้านยูโร ในไตรมาส 2/62 นั้นมีความเป็นไปได้ ทั้งนี้ MINT จะรายงานกำไรหลักที่น่าสนใจในไตรมาส 2/62

โดยมีแนวโน้มสูงถึงประมาณ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า YoY และ QoQ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายพิเศษจากผลประโยชน์พนักงานคาดว่าจะอยู่ที่ 72 ล้านบาท (หลังหักภาษี) คิดเป็นเพียง 1.1% ของการคาดการณ์กำไรปี 2562 ซึ่งบันทึกในไตรมาส 2/62 และแนวโน้มกำไรหลักไตรมาส 3/62 น่าจะยังคงรักษาระดับโมเมนตัมได้โดยคาดว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดราวๆ 85% YoY

อัพไซด์จากการขายสินทรัพย์และพันธมิตรธุรกิจใหม่

ในปี 2562 ผู้บริหารมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนจาก 1.5 เท่า ณ สิ้นปี 2561 (ต่ำกว่าเงื่อนไขทางการเงินที่ 1.75 เท่า) มาอยู่ที่ 1.3 เท่า ณ สิ้นปี 2562 (สอดคล้องกับการประมาณการของเรา) อย่างไรก็ตาม MINT อาจพบว่ามีอัพไซด์จากกลยุทธ์การสร้างรายได้จากสินทรัพย์และรายได้ใหม่จากพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งนี้ MINT กำลังศึกษาตัวเลือกโดยทางเลือกแรกจะเป็นการขายโรงแรมภายใต้แบรนด์ Tivoli (มูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากการปรับปรุงโรงแรมในปี 2560) นอกจากนี้ยังมีโอกาสมีพันธมิตรใหม่ที่แบ่งปันสัดส่วนการถือหุ้นของ NH ในอนาคตอีกด้วย