'พปชร.' กล้าให้เก้าอี้ 'รมต.' ตามที่ขอ?
ฮั่นแน่... จู่ๆ “เทพไท เสนพงศ์” ว่าที่ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับต้องวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง พร้อมข้อเสนอตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” เสียด้วย โดยให้อยู่แค่ 2 ปี แล้วค่อยเลือกตั้งกันใหม่
ไอเดีย “รัฐบาลแห่งชาติ” เป็นอีกหนึ่งช้อยส์ที่คนในประชาธิปัตย์ โยนหินถามทาง หลังจากก่อนหน้านี้ “ถาวร เสนเนียม” ว่าที่ส.ส.สงขลา ของพรรค รวบรวมว่าที่ ส.ส. กว่า 30 คน ประกาศชัดๆ ว่าควรร่วมตั้งรัฐบาลกับ “พรรคพลังประชารัฐ”
หรือข้อเสนอการเป็นฝ่ายค้านอิสระที่เป็นไอเดียของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในพรรค
ทั้งยังมีรายงานระบุว่า ขณะนี้ “ประชาธิปัตย์” กำลังต่อรองกับ “พลังประชารัฐ” ในการร่วมรัฐบาล โดยจะขอเพียงตำแหน่ง “ประธานรัฐสภา” ให้กับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการที่ปรึกษาพรรคเท่านั้น โดยไม่สนใจโควตารัฐมนตรีใดๆ ทั้งสิ้น
เห็นได้ชัดว่า “ประชาธิปัตย์” ตอนนี้ ความเห็นแตกออกไปหลายทาง แต่ทางที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดขณะนี้คือ คำตอบการร่วมรัฐบาลกับ “พลังประชารัฐ” ตามการผลักดันของ “ถาวร” ซึ่งมีแนวร่วมสนับสนุนไม่น้อย
และหากยึดตามแนวทางนี้ พรรคเก่าแก่พรรคนี้ก็จะได้รับจัดสรรโควตารัฐมนตรีตามสูตร ไม่มากก็น้อย ไม่ต้องอดอยากปากแห้งเหมือนที่ผ่านมา
จะว่าไปเสียง ส.ส.ของประชาธิปัตย์ ถือว่ามีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล ภายใต้การนำของ “พลังประชารัฐ” อย่างมาก ถ้าปล่อยให้ผู้แทนฯ พรรคนี้หลุดมือไปก็คงลำบาก
“ประชาธิปัตย์” เองก็รู้ถึงข้อนี้ดี ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ในระยะหลัง จะมีข้อเสนอต่างๆ จากประชาธิปัตย์ ออกมาไม่เว้นแต่ละวัน มุมหนึ่งก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า การออกตัวของกลุ่ม “ถาวร” ว่าอยากร่วมรัฐบาลมากเช่นนั้น อาจจะได้รับข้อเสนอที่ไม่สมน้ำสมเนื้อเพียงพอหรือไม่ จึงมีอาการยึกยัก จะไปทางนั้นที ทางนี้ที
และในเมื่อ “พลังประชารัฐ” ประกาศไว้แต่เนิ่นๆ ก่อนเลือกตั้งว่า ไม่ได้มาเล่นๆ ดังนั้น คงต้องทำทุกอย่างให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด และ ยิ่งมี “พรรคเพื่อไทย” และ “อนาคตใหม่” ที่กำลังขับเคี่ยวช่วงชิงตั้งรัฐบาลอยู่ด้วยแล้ว “พลังประชารัฐ” ยิ่งต้องฮึดสู้หนักขึ้นอีกหลายเท่าตัว เรียกว่า การเมืองกระดานนี้แพ้ไม่ได้เด็ดขาด
การที่บรรดาพรรคแนวร่วมจะอยู่กันตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องวัดขนาดหัวใจ “พลังประชารัฐ” ด้วยเช่นเดียวกันว่า กล้าให้ เก้าอี้รัฐมนตรี ตามที่เขากล้าขอหรือไม่ !!!
หรือถึงที่สุดแล้ว แม้จะยอมพรรคร่วมขนาดไหนก็ตาม หรือทำอย่างไรเสียงในสภาก็ยังอยู่ในสภาวะปริ่มน้ำ อาจเห็นสิ่งที่ไม่อยากจะเห็นอย่างการโละกระดานเลือกตั้งใหม่ขึ้นมาก็ไม่แน่ เพราะต้องไม่ลืมว่า มีปัจจัยที่สามารถหยิบยกมาอ้างหาเหตุผลได้มากมาย ขืนถูลู่ถูกัง ดันทุรังตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ก็อาจจะอยู่ไม่นาน หรืออาจมีอุบัติเหตุทางการเมืองได้ง่ายๆ
บางทีนักการเมืองอาจต้องเตรียมแผน2 เตรียมตัวหาเสียงอีกรอบไว้ก็ดี
