บวกต่อ

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,662.13 จุด (+4.39 จุด) Volume 4.3 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  +1,725.38 ลบ. TFEX Net +2,938 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ -5,599 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ดาวโจนส์ +6.58 จุด +0.03% หลังรายงานการประชุมเฟด minutes ครั้งล่าสุดเมื่อ 19-20 มี.ค. เป็นไปตามคาด ซึ่งระบุว่าเฟดยังคง "ใช้ความอดทน" ก่อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป

+ ECB ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0%ตามคาด และส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยยาวถึงสิ้นปี

+ ราคาน้ำมัน WTI +63 เซนต์ ปิด $64.61 ต่อบาร์เรล ได้แรงหนุนจากข้อมูลสต๊อกเบนซินลดลงถึง 7.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดหลายเท่า ส่วนคลังสำรองน้ำมันกลั่นลดลง 100,000 บาร์เรล

+ EIA เพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปี 2562 เป็น $65 ต่อบาร์เรลจากเดิม $62 และ $62 ต่อบาร์เรลในปี 2563 จากเดิม $62 เทียบกับค่าเฉลี่ย $71 ต่อบาร์เรลในปี 2561

+ EU เห็นชอบให้อังกฤษขยายเวลา Brexit เป็น 31 ต.ค.

+ โอเปกลดผลิตน้ำมันกว่า 500,000 บาร์เรลในเดือนมี.ค. แตะระดับต่ำสุดรอบ 4 ปี

- สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว เหตุดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวขึ้น แต่เมื่อเทียบรายปี จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองพุ่งขึ้น 24%

- สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมี.ค. +0.4%MoM และสูงกว่าคาดที่ 0.3% โดย +1.9%YoY และสูงกว่าคาดที่ 1.8%

- สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 7 ล้านบาร์เรล สูงกว่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล

- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 7.96 พันลบ. ค่าเงินบาท 31.75 บาท/US

**วันนี้จับตา จีนเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อ สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้มีโอกาสบวกต่อตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และผลการประชุม ECB เป็นไปตามคาดในการตรึงอัตราดอกเบี้ย  ส่วนประเด็นกดดันที่เป็นปัจจัยการเมืองและช่วงใกล้วัหหยุดยาว คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,654-1,670 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• กลุ่ม Defensive : กลุ่มค้าปลีก(CPALL MAKRO) กลุ่มท่องเที่ยว(AOT CENTEL ERW) กลุ่มโรงพยาบาล (BCH) กลุ่มโรงไฟฟ้า (EGCO RATCH)
• หุ้นเข้าใหม่คำนวณในดัชนี MSCI-EM : CENTEL, RATCH, INTUCH, DTAC
• หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุน : SCC EGCO CPN LH TU BANPU BH BBL BDMS KBANK
• IAA เผยหุ้นเด่นจากผลสำรวจนักวิเคราะห์ : AOT BBL CPALL SCC STEC

หุ้นรายงานพิเศษ

CPN (ราคาปิด 74.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 85.33)

เย็นวานเกิดเหตุไฟไหม้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เช้านี้กทม.ยังมีคำสั่งปิดห้ามใช้อาคาร ในวันนี้ทีมงานวิศวกรจะเข้าตรวจพื้นที่ว่ามีความปลอดภัยสามารถเข้าใช้พื้นที่ได้หรือไม่

เช้านี้ บริษัทได้แจ้งตลท.ว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุและมูลค่าความเสียหาย บริษัทมีวงเงินประกันภัยครอบคลุมความเสียหายสำหรับคุ้มครองความเสี่ยงภัยทุกประเภท (Industrial All Risk Insurance) ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance) ประกันภัยความรับผิดต่อสาธารณะ (Public Liability Insurance) และกรมธรรม์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง  บริษัทแจ้งปิดอาคาร ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สำหรับการข้าตรวจสอบพื้นที่ และคาดจะเปิดบริการในวันที่ 11 เม.ย. เวลา 12.00 น. และ 14.00 น. ตามลำดับ

ความเห็น ฝ่ายวิจัยตรวจสอบข้อมูลเฉพาะสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ปลายปี 61 มีพื้นที่ให้เช่า 200,194 ตรม.ซึ่งคิดเป็น 13.47% ของพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 33 สาขา อัตราเข้าเช่าพื้นที่ (OR) 91% เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้และผลการดำเนินงานในอนาค ประเมินเหตุไฟไห้มจะส่งผลกระทบต่อรายได้ในช่วงสั้นใน 2Q62 และเชื่อว่าจะได้รับชดเชยจากการประกันภัย ทั้งนี้ Bloomberg เฉลี่ย 11,215 ลบ. เติบโต 4% จากกำไรปกติปี 61 ที่ 10,823 ลบ.

หุ้นมีข่าว   

·         PTT เผยงบ Q2/62 รับผลกระทบตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตาม กม.แรงงานใหม่ราว 2.9 พันลบ. ตามการตั้งสำรองของบริษัทลูกในกลุ่ม   แต่ในส่วนเฉพาะ ปตท.ซึ่งเป็นบริษัทแม่จะไม่มีการตั้งสำรองในส่วนนี้ เพราะการดำเนินงานของ ปตท.อยู่ภายใต้กฎหมายแรงงานรัฐวิสหกิจสัมพันธ์ (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

·         กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่กดดันกำไรบจ.ปีนี้ลดลง คาดมีรายจ่ายตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 2.62 หมื่นล้านบาท กลุ่มแบงก์โดนหนักสุด 1.07 หมื่นล้านบาท กระทบงบไตรมาส 1-2 KTB, KBANK, SCB และ BAY ตั้งกันอ่วม ส่วนแบงก์กรุงเทพ, เกียรตินาคิน สำรองครบแล้ว ด้านปตท.ยอมรับ Q2 บริษัทลูกสำรองท่วม 2.9 พันล้านบาท (ที่มา : ทันหุ้น)

·         +ประเด็นบวกกลุ่มสื่อ จับตาคสช.ประกาศม.44 วันนี้ อุ้มค่ายมือถือ ยืดจ่ายค่าคลื่น 900 MHz งวดที่ 4 นำเงินมาประมูล 5G ฟากทีวีดิจิทัล รอรับอานิสงส์ได้รับเงินเยียวยาจากการเรียกคืนคลื่น 700 MHz หนุน BEC-GRAMMY-WORK-MONO พุ่งแรง! รับข่าวดี (ที่มา : ข่าวหุ้น)

·         + กลุ่มค้าปลีกเตรียมเฮ! คลังเล็งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงหลังสงกรานต์ "BJC-HMPRO" รับอานิสงส์ (ที่มา : ทันหุ้น)

·         STEC เข้าซื้อ"หมอชิตแลนด์"จาก U มูลค่า 4.32 พันลบ.เพื่อพัฒนาหมอชิตคอมเพล็กซ์ วงเงินลงทุนราว 7.79 พันลบ. โดยมีแผนก่อสร้างอาคารแฝดสำนักงานให้เช่ามีร้านค้าและสกายวอล์กเชื่อมบีทีเอสหมอชิต ทั้งนี้  บริษัท หมอชิตแลนด์ จำกัด เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 63 แปลง ตั้งอยู่ที่ตำบลจอมพล อำเภอจตุจักร กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ดินรวมประมาณ 11 ไร่เศษ โดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินทุนหมุนเวียน เงินสดจากการดำเนินธุรกิจ  เงินกู้จากสถาบันการเงิน หุ้นกู้ระยะยาว ตามความเหมาะสม

·         + TOP (ราคาปิด 71.50 “ทยอยเข้าสะสม” ราคาเหมาะสม 84.00) เผยไตรมาส 1/62 คาดจะมีกำไรจากการสต๊อกน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ระดับ 67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากสิ้นปี 61 ปิดที่ระดับ 57 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และพร้อมตอกเสาเข็มโครงการ CFP กลางปีนี้ งบลงทุนกว่า 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ขายโรงไฟฟ้า ERU ให้ GPSC ช่วยลดภาระเงินลงทุนกว่า 15% (ที่มา : มิติหุ้น)

ความเห็น : ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1 และประเด็นการขายหน่วยผลิตไฟฟ้า(ERU) ให้กับ GPSC เรามองว่าจะช่วยลดภาระทางการเงินของ TOP ลง โดยโครงการ CFP จะทำให้ TOP สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจาก 2.75 แสนบาร์เรล/วันในปัจจุบันเป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งจะหนุนการเติบโตในอนาคตของบริษัท

·         TTCL ขายหุ้นบริษัทย่อย “TTCL Gas Power” จำนวน 29.70 ล้านหุ้น คิดเป็น 60% ให้กับบจ.ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น 2 ราย มูลค่ารวม 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,700 ล้านบาท จ่อชงที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติ 22 พ.ค.นี้ (ที่มา : ข่าวหุ้น)

·         MAKRO (ราคาปิด 34.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 37.06)มั่นใจผลงานปี 62 โต พร้อมตั้งงบลงทุน 8,500 ล้านบาท ใช้ขยาย-ปรับปรุงสาขาทั้งในและต่างประเทศ เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เตรียมเปิดสาขาในจีน-พม่า วางเป้า 5 ปีอัพสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 20%  (ที่มา : ข่าวหุ้น)