พ.ร.บ.หลักเกณฑ์ร่างกฎหมาย ดันอันดับยาก-ง่ายธุรกิจไทย
การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันมีส่วนต้องเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายทุกขั้นตอน ซึ่งสะท้อนได้จากการจัดอันดับ ความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ของธนาคารโลกที่มีตัวชี้วัด 10 ด้าน
ซึ่งทุกด้านเกี่ยวข้องกับกฎหมาย โดยอันดับที่อยู่ท้ายที่สุด คือ การขออนุญาตก่อสร้าง โดยเฉพาะการขออนุญาตก่อสร้างโกดังสินค้ามี 19 ขั้นตอน ใช้เวลา 118 วัน
ที่ผ่านมาภาครัฐให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการกำหนดใน พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อจัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) มีอำนาจใช้กฎหมาย 8 ฉบับ เช่น กฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา เห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ... และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบกฎหมายฉบับนี้แล้วคาดว่าจะประกาศใช้ในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งอาจจะมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ย.นี้
จารุวรรณ เฮงตระกูล เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในฐานะหน่วยงานหลักในการปฏิรูปกฎหมายให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ได้ยกร่าง พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ... ขึ้น เพื่อรองรับหลักการตามบทบัญญัติมาตรา 77 และ 258 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งกำหนดให้ประเทศพึงมีกฎหมายแต่เพียงจำเป็น และกฎหมายที่ออกมาใหม่ต้องไม่สร้างภาระให้ประชาชนและภาคเอกชนมากเกินไปโดยไม่มีความจำเป็น
นอกจากนี้ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายที่เสนอจากหน่วยงานรัฐมาให้ ครม.พิจารณาและส่งต่อไปรัฐสภา จะต้องมีขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับหลักของการตรากฎหมายที่เป็นสากลและนานาชาติยอมรับ
สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดให้ตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมาย การวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย การรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนดกลไกการโต้แย้งหรือตรวจสอบบทบัญญัติกฎหมายที่มีโทษอาญา โทษทางปกครอง หรือสภาพบังคับที่เป็นผลร้ายต่อผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรากฎหมาย
รวมทั้ง กฎหมายใดที่ประเมินแล้วล้าสมัยและสร้างภาระแก่ประชาชนและภาคเอกชนเกินความจำเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไข หรือพิจารณาให้ยกเลิกกฎหมาย
เมื่อกฎหมายนี้มีผลในการบังคับใช้คาดว่า จะมีผลต่อการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ ที่ธนาคารโลกจัดอันดับประเทศไทยและประเทศอื่นทั่วโลก โดยวัดจากขั้นตอนการขอใบอนุญาต การอนุมัติใบอนุญาตมีความรวดเร็วและมีขั้นตอนที่แน่นอนในเรื่องของระยะเวลาในการขออนุญาตจากภาครัฐมากขึ้น รวมทั้งจะมีการรับฟังความคิดเห็นรอบด้านจากทั้งประชาชน ภาคธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการพิจารณามากที่สุด
สำหรับหน้าที่ของหน่วยงานที่เสนอร่างกฎหมายที่ครอบคลุมร่างพระราชบัญญัติ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และประมวลกฎหมาย ที่จะออกในอนาคตต้องผ่านขั้นตอน ได้แก่ ตรวจสอบความจำเป็นในการตรากฎหมาย การรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย การเปิดเผยผลการรับฟังและผลการวิเคราะห์ผลกระทบของการออกกฎหมาย และจัดทำเอกสารประกอบการนำเสนอ ครม.
ส่วนการพิจารณาความจำเป็นในการตรากฎหมายจะพิจารณาด้านต่างๆ ได้แก่ กฎหมายสร้างภาระให้ประชาชนเกินความจำเป็นหรือไม่ กฎหมายมีความคุ้มค่ากับภาระที่เกิดขึ้นแก่รัฐและประชาชนหรือไม่ สามารถที่ใช้มาตรการอื่นนอกเหนือมาตรการทางกฎหมายได้หรือไม่ ในขณะที่ขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจะต้องรับฟังจากผู้เกี่ยวข้อง คือ ผู้ที่มีสิทธิหรือหน้าที่ หรือได้รับผลกระทบจากการร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ เช่น ผู้ประกอบการ กลุ่มบุคล หรือชุมชน หน่วยงานรัฐ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ
นอกจากนี้ ขั้นตอนการวิเคราะห์ผลกระทบของกฎหมายจะมีการพิจารณาจากเหตุผลของกฎหมายหรือไม่ มีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายฉบับอื่นๆ หรือไม่ กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้ถูกจำกัดลงหรือไม่ กฎหมายที่จะออกมานั้นเกิดภาระของประชาชน และมีงบประมาณในการดำเนินการเพิ่มมากขึ้นหรือไม่จากการออกกฎหมายครั้งนี้
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการออกกฎหมายใหม่ รวมถึงการพิจารณากฎหมายเก่าที่บังคับใช้มานานก็ต้องประเมินว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่
ทั้งนี้ การดำเนินการจะคล้ายคลึงกับกระบวนการปฏิรูป สะสาง และตัดทิ้งกฎหมายที่ไม่มีความจำเป็นหรือกระบวนการ “Regulatory Guillotine” ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อเสนอให้ไทยดำเนินการตามหลายประเทศที่สำเร็จ เช่น เกาหลีใต้ ซึ่งลดกฎหมายที่ไม่จำเป็นได้ 11,000 ฉบับ ภายใน 12 เดือน ซึ่งเมื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในไทย คาดว่าจะตัดลดกฎหมายที่ไม่มีความจำเป็นและสร้างภาระให้กับประชาชนลดลงได้ 10,000 ฉบับ ในเวลา 4-5 ปี เช่นกัน
ชัยวัธ มะระพฤกษ์วรรณ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลมีการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อลดอุปสรรคการทำธุรกิจให้มีความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น โดยมีการผ่อนคลายกฎหมาย เช่น กฎระเบียบที่เกี่ยวกับการตรวจคนเข้าเมือง การจดทะเบียนธุรกิจ ซึ่งนักธุรกิจตอบรับการดำเนินการของภาครัฐ และที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าขั้นตอนการออกกฎหมายหรือการปรับปรุงกฎหมายของไทยมีหลายขั้นตอนทำให้การแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายต้องใช้เวลา