‘อินโดรามา เวนเจอร์ส’ มองธุรกิจไทย ‘โตไกล’

‘อินโดรามา เวนเจอร์ส’ มองธุรกิจไทย ‘โตไกล’

ซีอีโออินโดรามามองไทยยังแข่งขันได้และน่าลงทุน บริษัทพร้อมเดินหน้าลงทุนในไทยต่อไป และจนถึงวันนี้บริษัทลงทุนในไทยมูลค่ากว่า 1,600 ล้านดอลลาร์

การตั้งบริษัทในประเทศที่ไม่คุ้นเคยและนำพาธุรกิจให้เติบใหญ่มาตลอด 31 ปี กลายเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “อินโดรามา เวนเจอร์ส” โดยนักธุรกิจจากกรุงจาการ์ตาทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย

“อาลก โลเฮีย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอินโดรามา เวนเจอร์ส (ไอวีแอล) กล่าวในเวทีซีอีโอฟอรัม จัดโดยกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในหัวข้อ “Indorama Ventures: The World-class Chemical Company, Great Products For Society” ซึ่งนั่นคือวิสัยทัศน์ของบริษัท

อินโดรามา ประกาศวิสัยทัศน์เป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ระดับเวิลด์คลาส อาลก กล่าวว่า บริษัทเคมีภัณฑ์เต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจและมักถูกมองอย่างน่ารังเกียจ บริษัทเคมีภัณฑ์ทุกแห่งจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง การปฏิบัติการต้องเชื่อถือวางใจได้ ตลอดเส้นทางของความเป็นเวิลด์คลาสถือได้ว่ามาตรฐานของอินโดรามานั้นสูงมาก

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยสารตั้งต้น พลาสติก PET ผลิตภัณฑ์เคมีชนิดพิเศษเส้นใย และบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทั้ง 5 ล้วนเกื้อหนุนซึ่งกันและกันไม่มีสินค้าใดอยู่เพียงลำพัง จึงช่วยสร้างพลังให้แก่กันและสร้างมูลค่าให้บริษัท

ปัจจุบัน อินโดรามามีธุรกิจใน 31 ประเทศ ประเทศไทยเป็นที่แรก มีโรงงาน 101 แห่งทั่วโลก ว่าจ้างพนักงาน 19,581 คน “นี่คือความเติบโตหลากหลายของอินโดรามา” ซีอีโอย้ำ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน 30 ปีถือเป็นเส้นทางที่ยังสั้นมาก แต่เกิดขึ้นได้เพราะบุคลากรดี ๆ ที่บริษัทมี

ปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อนอินโดรามาซีอีโอพยายามบอกกับบริษัทเสมอว่า “ต้องโตต่อไปให้ได้”โลเฮียเปรียบเทียบว่า ร่างกายมนุษย์วันหนึ่งก็ต้องเสียชีวิต ไม่สามารถเติบโตต่อไปได้ แต่บริษัทไม่เป็นเช่นนั้นสามารถเติบโตได้ด้วยทักษะการเป็นผู้นำ มีแผนเปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ขยายธุรกิจ สร้างสิิ่งดี ๆ ให้สังคมและชุมชน

“ดังนั้นเมื่อมีคนถามว่าอินโดรามาคือใคร เขาต้องนึกถึงบริษัทที่เติบโตตลอดเวลา” ซีอีโอกล่าวพร้อมชี้ว่า ความเป็นผู้นำของอินโดรามาพิสูจน์ได้จาก ขวด PET 25% และผ้าอ้อมสำเร็จรูปชนิดพรีเมียม 50% ของโลกผลิตจากพอลิเมอร์ของบริษัท ยางรถยนต์ 25% ของโลกผลิตจากไฟเบอร์ของอินโดรามา และถุงลมนิรภัย 25% ผลิตจากเส้นด้ายของบริษัท

สำหรับธุรกิจพลาสติก อินโดรามาเริ่มต้นในประเทศไทยเมื่อปี 2538 จึงเรียกได้ว่านี่คือธุรกิจที่บริษัทไทยครองส่วนแบ่งตลาดอเมริกาเหนือกว่า 30% ในบราซิล 60% และในยุโรป 30% เรียกได้ว่าค่อนข้างใหญ่ทีเดียว แม้ส่วนแบ่งตลาดในจีนจะน้อยเพราะที่นั่นตลาดแยกย่อยมาก แต่ทั้งโลกอินโดรามาครองส่วนแบ่งตลาด 25%

เมื่อพูดถึงพลาสติกก็ต้องไม่ลืมปัญหาพลาสติกล้นโลก กลายเป็นขยะลงทะเลที่เป็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้ อินโดรามาเองก็ตระหนักถึงปัญหา รู้ว่าต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่ปัญหาใหญ่เกินกว่าบริษัทหนึี่งหรือประเทศใดประเทศหนึี่งจะแก้ไขได้ ทุกคนต้องช่วยกันหาวิธีลดขยะ วิธีหนึ่งคือรีไซเคิล

ตอนนี้หลายประเทศ เช่น ญี่่ปุ่น บรรจุภัณฑ์กว่า 90% นำไปใช้ซ้ำได้ หลายประเทศในเอเชียก็ตื่นตัวเช่นกัน โดยเฉพาะในประเทศที่่ค่าแรงถูกมีอุตสาหกรรมเก็บพลาสติกนำมารีไซเคิลในยุโรปอัตรารีไซเคิลสูงมาก เนื่องจากธรรมชาติของคนที่นั่นอ่อนไหวกับประเด็นสิ่งแวดล้อม แต่อัตรารวมการรีไซเคิลขวด PET ทั้งโลกยังต่ำอยู่ที่ 60% ควรเพิ่มเป็น 90%

โลเฮีย อธิบายว่า PET เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัย สะดวก เป็นทางเลือกแห่งความยั่งยืน สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ 100% ช่วยยืดอายุและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ สินค้าไม่ต้องเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ปลอดภัยเนื่องจากพอลิเมอร์ในพีอีทีมีคุณสมบัติเสถียรและเฉื่อย (ไม่ไวต่อปฏิกิริยาาเคมี)น้ำหนักเบา ช่วยให้ประหยัดทรัพยากร ลดต้นทุนและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมขณะขนส่ง ลดคาร์บอนฟุตปรินท์เนื่องจากใช้พลังงานน้อยปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า และสร้างขยะน้อย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง PET เป็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุด ยิ่งกว่าแก้ว อะลูมิเนียม กระดาษ เพราะมีคาร์บอนฟุตปรินท์น้อยกว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้มากที่สุดในโลก

ในแง่ของเศรษฐกิจอินโดรามามีส่วนสร้างประโยชน์ให้หลายภูมิภาค ตั้งแต่ปี 2551-2561 บริษัทลงทุนในเอเชีย 1,643 ล้านดอลลาร์ ยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกา 2,047 ล้านดอลลาร์ อเมริกา 2,943 ล้านดอลลาร์ และตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทอินโดรามาลงทุนในประเทศไทยรวมแล้ว 1,630 ล้านดอลลาร์

ขณะนี้เมื่อไทยผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนย่อมเป็นสิ่งสำคัญ

“ผมอยู่เมืองไทยมา 30 ปีเห็นความเปลี่ยนแปลงมามาก ผ่านมาหลายรัฐบาล ความเปลี่ยนแปลงส่งผลน้อย ประเทศไทยยังแข่งขันได้และน่าลงทุน อินโดรามายังลงทุนในไทยต่อไป แต่ละปีบริษัทลงทุนในไทยจำนวนมหาศาล รวมถึงวันนี้กว่า 1,600 ล้านดอลลาร์”

สำหรับการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) อินโดรามาอยู่ในมาบตาพุด จ.ระยองซึ่งเป็นพื้นที่อีอีซีอยู่แล้ว 70% ของการลงทุนในไทยอยู่ในพื้นที่นี้ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมาะจะลงทุนและขยายโอกาสลงทุนต่อไป โดยจะเพิ่มการผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูงในอีอีซี

ใน 5 ปีข้างหน้า อินโดรามามีแผนเพิ่มรายได้ทั่วโลกขึ้นเป็น 2 เท่า แต่ยังไม่ระบุชัดถึงสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม บริษัทพยายามเปลี่ยนโฉมจากทำธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ไปสู่สินค้ามูลค่าเพิ่มสูงในอีอีซี ที่โลเฮียมองว่าเป็นฐานที่มั่นที่ดีสำหรับธุรกิจปิโตรเคมี

ส่วนการลงทุนในระดับภูมิภาคอาเซียนก็เช่นเดียวกัน อินโดรามามีธุรกิจในไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย บริษัทจะเดินหน้าลงทุนต่อไป แต่ละประเทศมีเสน่ห์ดึงดูดแตกต่างกันอินโดนีเซียมีประชากรจำนวนมาก ธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้นจึงเติบโตได้ดี ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานดี เหมาะสำหรับขยายธุรกิจสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง ฟิลิปปินส์เป็นธุรกิจเฉพาะทางที่อินโดรามาร่วมมือกับเจ้าของแบรนด์เรื่องการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนนั้นอินโดรามาก็จับตาอยู่เหมือนกัน และไม่เคยหวาดกลัวกับการขยายกิจการไปต่างแดน

ประเด็นสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกในขณะนี้ สำหรับอินโดรามาที่มีกิจการทั่วโลกซีอีโอเผยว่า ยังไม่ได้รับผลกระทบไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เขาคิดว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายน่าจะตกลงกันได้ ไม่น่าจะใช่ประเด็นระยะยาว