ตัวเลขเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่ภาวะ Inverted Yield Cure คลี่คลาย

ตัวเลขเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่ภาวะ Inverted Yield Cure คลี่คลาย

เศรษฐกิจโลกได้อานิสงค์จีนช่วยหักล้างความเสี่ยง Brexit

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตจีนมี.ค.ส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยกลับมาอยู่ที่ 50.5 สูงสุดในรอบ 6 เดือน และกลับมาสู่ระดับขยายตัว บ่งชี้ถึงสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ดีขึ้น ขณะที่นักลงทุนคาดจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ ทั้งนี้การกลับมาเติบโตของจีนจะส่งผลบวกต่อตัวเลขส่งออกของประเทศในเอเชียและตลาดเกิดใหม่และช่วยหักล้างความเสี่ยงจากการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ซึ่งมีโอกาสเกิด No-deal Brexit เพิ่มขึ้น

ความกังวลเศรษบกิจถดถอยลดลง หลัง Inverted Yield Cure คลี่คลาย ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี และ 3 เดือน ของสหรัฐฯ ที่ลงไปติดลบวันก่อนจนทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นการส่งสัญญาณถึงเศรษฐกิจถดถอย ล่าสุด ส่วนต่างดังกล่าวกลับมาเป็นบวก จากความกังวลเศรษฐกิจโลกที่คลี่คลายลง ซึ่งเราคงมุมมองว่าสถานการณ์นี้ ไม่ใช่สัญญาณของเศรษฐกิจถดถอย และภาพรวมการลงทุนยังเป็นบวกจากนโยบายการเงินที่ค่อนข้างผ่อนคลาย

MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยจาก 2.5% เป็น 3% เนื่องจากนำหุ้น NVDR เข้ามาร่วมคำนวณ ส่งผลบวกต่อเม็ดเงินไหลเข้าหุ้นไทย ซึ่งเราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกการกลับเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยที่สอดคล้องกับภูมิภาคในช่วว 2 วันทำการที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อหุ้นที่น่าจะได้รับการเพิ่มน้ำหนัก อาทิ SCC, BDMS, CPN, BBL, LH, BANPU รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะได้รับการเพิ่มเข้าคำนวณใหม่ อย่างเช่น INTUCH, DTAC, RATCH, CENTEL อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารและการเงินอาจถูกปรับลดน้ำหนักลงเล็กน้อย

ทดสอบ 1640-1650 ก่อนขึ้นทดสอบ 1670-1700 จุด กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีคาดฟื้นตัวหลังความกังวลเศรษฐกิจโลกลดลงจากการฟื้นตัวของ PMI จีน เรายังชอบหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงกลั่น ปิโตรฯ ที่ราคาสะท้อนผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อาทิ PTT, PTTEP, TOP, BCP, PTTGC, SCC รวมถึง หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ CPF, TU, CPALL, AOT, ERW, MINT,STEC, GPSC, EGCO, BTS, BEM / กลุ่มร.พ. เราชอบ RJH, BCH

ภาพรวมกลยุทธ์: ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้น รวมทั้งสัญญาณจาก Inverted Yield Curve ที่คลี่คลาย (อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี – 3 เดือน) กลับมาเป็นบวก คาดช่วยทำให้ความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ  // หุ้นแนะนำวันนี้ PTT, PTTGC, CKP* (เป้า 5.25 ตัดขาดทุน 4.86), SKE* (เป้า 1.50 ตัดขาดทุน 1.00)

แนวรับ 1630 / แนวต้าน : 1645-1650 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

ทิศทางนโยบายการเงินเฟด – ทำเนียบขาวระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% + ยุติมาตรการปรับลดงบดุล สวนทางกับ รองประธานเฟดที่เผยว่ายังคงมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อยังคงเป็นเรื่องที่เหมาะสม   

PMI ภาคการผลิตจีน ดีดตัวขึ้นเหนือ 50 – จีนรายงานตัวเลขผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต อยู่ที่ 50.5 ในเดือน มี.ค. โดยเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. ที่ 49.2

AOT แยกสัญญาดิวตี้ฟรีออกเป็น 2 สัญญา – บอร์ด AOT มีมติแยกสัญญาประมูลดิวตี้ฟรีออกเป็น 2 สัญญา คือ สุวรรณภูมิ 1 สัญญา และอีก 3 สนามบิน รวมเป็นอีก 1 สัญญา เตรียมเปิดขายซอง 1-18 เม.ย.นี้

MSCI ปรับเกณฑ์ NVDR – MSCI ปรับเกณฑ์ NVDR เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยขึ้นจาก 2.5% เป็น 3% คาดหนุนเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย

หุ้นที่มีการถือครองต่ำ – สามารถเลือกเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน MCOT, SAWAD, JMART, SAMART, SINGER, NER, III, PRM, JMT, DCC, SQ, STPI

ประเด็นติดตาม: 1 เม.ย. – จีน รายงาน PMI ภาคการผลิต, สหรัฐฯ รายงานตัวเลขค้าปลีก, ตัวเลขเงินเฟ้อไทย / 5 เม.ย. – สหรัฐฯ รายงาน ตัวเลขการจ้างงาน

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)