กิจกรรมเอ็มแอนด์เอทั่วโลกทรุดไตรมาสแรกปีนี้

กิจกรรมเอ็มแอนด์เอทั่วโลกทรุดไตรมาสแรกปีนี้

การควบรวมและซื้อกิจการทั่วโลกในไตรมาสแรกปี2562 ปรับตัวลง 17% จากปัจจัยลบความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ความกลัวเรื่องเบร็กซิทจบไม่สวยทำให้บอร์ดบริหารและซีเอฟโอบริษัทชั้นนำยุโรปชะลอแผนซื้อกิจการออกไปก่อน เพื่อรอความชัดเจน

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า กิจกรรมการผนวกและควบรวมกิจการทั่วโลก (เอ็มแอนด์เอ)ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ปรับตัวลง 17% เนื่องจากบริษัทต่างๆมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความกลัวว่ากรณีเบร็กซิทจะจบลงแบบที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป(อียู)โดยไม่มีข้อตกลง ทำให้บรรดาประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)และบอร์ดบริหารบริษัทชั้นนำชะลอแผนซื้อกิจการออกไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์

การทำข้อตกลงซื้อกิจการทั่วโลกเริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวให้เห็นหลังจากปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่มีการบรรลุข้อตกลงผนวกและควบกิจการทั่วโลกมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทใหญ่ๆเกิดความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้เลื่อนหรือชะลอการซื้อกิจการข้ามประเทศออกไปก่อน

ทั้งนี้ ข้อมูลจากรีฟินิทีฟ ระบุว่า กิจกรรมเอ็มแอนด์เอข้ามพรมแดนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ปรับตัวร่วงลง 45% เนื่องจากบริษัทต่างๆหันไปให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศเป็นหลัก กิจกรรมในส่วนนี้ในยุโรป ร่วงลง 67% และดึงปริมาณการทำกิจกรรมเอ็มแอนด์เอทั่วโลกพลอยร่วงลงไปอยู่ที่ 927,000 ล้านดอลลาร์

บริษัทหลายแห่งเกิดความรู้สึกว่ามีความไม่แน่นอนในบรรยากาศทางธุรกิจ ทั้งกรณีของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และกรณีของเบร็กซิทที่ยังไม่รู้ว่าสหราชอาณาจักรจะออกจากยุโรปแบบไร้ข้อตกลงหรือไม่"เดิร์ก อัลเบิร์สเมียร์ หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมเอ็มแอนด์เอ จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ให้ความเห็น

ขณะที่การทำข้อตกลงซื้อกิจการขนาดใหญ่ในสหรัฐ อย่าง บริสทอล-ไมเออร์ สควิบบ์ โค ที่ทำข้อตกลงซื้อกิจการเซลจีน คอร์ป ในวงเงิน 74 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมเอ็มแอนด์เอทั่วโลกมากขึ้น ส่วนในยุโรป ขนาดของการทำข้อตกลงจะเล็กลงไม่ถึง 5,000 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรสูญเสียอันดับตลาดเอ็มแอนด์เอขนาดใหญ่สุดของโลกให้แก่ซาอุดิอาระเบีย เมื่อกิจกรรมด้านนี้ลดลง 62% เหลือ 40 ล้านดอลลาร์ขณะที่กิจกรรมเอ็มแอนด์เอในเยอรมนี ปรับตัวลง 76% เหลือแค่ 17 ล้านดอลลาร์