CPALL - ซื้อ

CPALL - ซื้อ

หุ้นค้าปลีกตัวเด็ดไตรมาส 2/2562

เราเชื่อว่าความกังวลเกี่ยวกับการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในปีหน้าได้สะท้อนในราคาหุ้นแล้ว ในขณะที่แนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/62 ดูเหมือนว่ายังไม่ได้รับรู้เข้าไปทั้งหมด  ดังนั้น เราจึงมองว่าเป็นโอกาสทีดีที่จะเข้าสะสมหุ้น CPALL

เอลนีโญ่หนุนยอดขายสาขาเดิมไตรมาส 2/62

ยอดขายสาขาเดิม ในไตรมาส 2/62 มีแนวโน้ม เติบโตดี เนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญ่ส่งผลให้สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งยาวนานไปจนถึงปลายไตรมาส ซึ่งโดยปกติแล้วยอดขายของร้าน 7-Eleven จะดีมากในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากเครื่องดื่มขายดี แต่ยอดขายจะอ่อนตัวลงในช่วงฤดูฝน เนื่องจากฝนทำให้ลูกค้าเข้าร้านน้อยลง นอกจากนี้ปัจจัยอีกประการที่
จะผลักดันให้ยอดขายสาขาเดิมเติบโตยิ่งมากไปกว่าปกติคือฐานที่ต่ำในไตรมาส 2/61 จากปรากฎการณ์ลานีญาส่งผลให้ฝนเริ่มตกตั้งแต่เดือนเม.ย.ซึ่งเร็วกว่าปกติที่จะเริ่มตกในช่วงกลางเดือนพ.ค. ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเห็นยอดขายสาขาเดิมโตได้มากกว่า 5% ในไตรมาส 2/62 ซึ่งจะสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดและประมาณการของเราที่ 4.5%

ฐานต่ำมีต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3/62

การเติบโตจากฐานที่ต่ำไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงในไตรมาส 2/62 เท่านั้น แต่คาดว่าจะต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3/62 เนื่องจากมีฐานที่ต่ำจากแคมเปญแสตมป์ที่ไม่ประสบความสำเร็จในไตรมาส 3/61 ทั้งนี้ แคมเปญแสตมป์ในช่วงปลายเดือนก.ค.จนถึงปลายเดือนก.ย. ปี 2561 ไม่ประสบความสาเร็จในการดึงลูกค้าให้สะสมแสตมป์และแลกสินค้าพรีเมี่ยม เนื่องจากคาแรกเตอร์ของแสตมป์จากละครทีวีที่ได้รับความนิยมในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ปี2561 หมดความนิยมอย่างรวดเร็วกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ ดังนั้นแม้ว่าภาษีบุหรี่ที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุนอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมได้ราวๆ 1-2% แต่ยอดขายสาขาเดิมของร้าน 7-Eleven ขยายตัวได้เพียง 1.8% เท่านั้นในไตรมาส 3/61 ดังนั้นหากแคมเปญแสตมป์ในปีนี้ประสบความสำเร็จ เราอาจจะเห็นยอดขายสาขาเดิมโตได้ไม่ต่ำกว่า 5% ในไตรมาส 3/62

แนวโน้มค่าแรงที่ปรับสูงขึ้นสะท้อนในราคาหุ้นแล้วแต่ผลกระทบจะไม่เห็นจนถึงปีหน้า

ราคาหุ้น CPALL ปรับตัวลดลง 4% หลังจากพรรคการเมืองต่างๆประกาศนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ โดยพรรคพลังประชารัฐเสนอที่ 400-425 บาทต่อวันในขณะที่พรรคเพื่อไทยเสนอที่ 400 บาทต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก308-330 บาทต่อวัน ในปัจจุบันค่อนข้างมาก ทั้งนี้การปรับขึ้นค่าแรงดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อ CPALL มากกว่าผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นจากที่ CPALL มีสัดส่วนของพนักงานที่จ่ายตามค่าจ้างขั้นต่ำมากกว่า อย่างไรก็ตามค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอาจไม่มีผลจนกว่าจะถึงไตรมาส 2/63 และการปรับขึ้นมีแนวโน้มที่จะเป็นการทยอยปรับในช่วง 3 ปี หรือเพิ่มขึ้น 9%ต่อปี ซึ่งหมายความว่าค่าแรงขั้นต่ำในปี 2563 จะขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 6.75% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการปรับขึ้นค่าแรงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาราว 5% ในกรณีนี้จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2563 จะถูกปรับลดลง 3.5% ดังนั้นเราเชื่อว่าการที่ราคาหุ้นลดลง 4% ได้สะท้อนค่าแรงขั้นต่ำที่จะเพิ่มขึ้นในปีหน้าแล้ว