"ฮาบิแทท" ชูโมเดลรับบริหาร การันตีรายได้สกัดคู่แข่ง

"ฮาบิแทท" ชูโมเดลรับบริหาร การันตีรายได้สกัดคู่แข่ง

ฮาบิแทท กรุ๊ป ชูโมเดลรับบริหารจัดการอสังหาฯ การันตีรายได้ 6% นาน3ปี ดึงนักลงทุนไทย-เทศ นำร่องจับมือวินด์ดัม โฮเทลส์ เปิดตัวคอนโดสไตล์รีสอร์ท พัทยา สกัดคู่แข่ง ตั้งเป้ายอดขาย 3,000 ล้านบาท

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยาเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวติดอันดับ 8 ในเอเซียและมีการขยายตัวของเมืองจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี และเป็นเมืองท่องเที่ยวอยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด นักท่องเที่ยวเดินทางไปมาสะดวก และมีการเติบโตจากโครงสร้างพื้นฐานต่างๆทั้งสนามบิน รถไฟฟ้าความเร็วสูง เส้นทางมอเตอร์เวย์ รวมทั้งโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ( EEC) ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่า

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาที่ดินในพัทยาสูงขึ้น จากตารางวาหลักหมื่นบาทขยับขึ้นไปแสนกว่าบาท เติบโตไม่น้อยกว่าในกรุงเทพฯ ทำให้ภาพรวมอสังหาฯที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในพัทยาเติบโตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ซึ่งในพัทยามีอัตราการเข้าพักถึง 80% ทำให้ธุรกิจอสังหาฯที่โฟกัสเรื่องการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสให้ ฮาบิแทท กรุ๊ป นำเสนอโครงการในรูปแบบ Lifestyle Investment ที่นอกจากเพื่อใช้พักอาศัยหรือใช้เป็นบ้านพักตากอากาศแล้วยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากอสังหาฯให้เช่า

ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการ รามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา มูลค่า 1,500 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรซ์ ในโซนพัทยาเหนือ สูง 8ชั้น จำนวน 2 อาคาร มีทั้งหมด339 ยูนิต บนเนื้อที่ 3 ไร่ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3.9 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 140,000 บาทต่อตารางเมตร (ตรม.) ซึ่งทางวินด์ดัม โฮเทลส์ แอนด์รีสอร์ทส์ จะเข้ามาบริหารโครงการที่เปิดตัวพร้อมขายในไตรมาส2ปีนี้ เริ่มสร้างปลายปีนี้ คาดว่าใช้เวลา 2ปีแล้วเสร็จ

“Lifestyle Investment เป็นโมเดลที่ตอบโจทย์คนที่มาซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุน จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และในปีนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งขนาดกลางใหญ่เข้ามาแข่งขันในตลาดนี้เพิ่มขึ้นในพัทยา และแหล่งท่องเที่ยวในภูเก็ต เชียงใหม่ ส่วนตลาดพัทยาปี2561 บริษัทเปิดไป 2,000 ยูนิต เป็นซัพพลายใหม่ 30-40% ที่เข้ามาคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 1,000 ยูนิต ”

นายชนินทร์ กล่าวว่า ปี2561 พัฒนามีคอนโดเปิดใหม่จำนวน10,000 ยูนิตส่วนใหญ่เป็นคอนโดเพื่ออยู่อาศัย90% ส่วนที่เป็นโมเดลอสังหาฯเพื่อเช่าในรูปแบบโรงแรมยังมีจำนวนไม่มาก คาดว่า ในปีนี้โครงการคอนโดที่เปิดในพัทยามีจำนวน5,000-10,000 ยูนิต ส่วนที่มีรูปแบบคล้ายกับฮาบิแททมีจำนวน 2-3 ราย แต่แนวโน้มจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนในอสังหาฯยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้ผลตอบแทนทั้งค่าเช่าและส่วนต่างมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น (Capital gain) หากลงทุนในทำเลดี ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในตลาดหุ้น พันธบัตร และกองทุนรวมที่มีความผันผวน และสามารถมีผลตอบแทนติดลบได้ นักลงทุนจึงนิยมลงทุนในอสังหาฯเพราะความเสี่ยงต่ำ ประกอบกับว่า บริษัทมีการรันตีผลตอบแทนที่ 6%เป็นระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้นจะเป็นการแบ่งผลกำไรระหว่างผู้ซื้อและผู้พัฒนาโครงการ 30% รวมทั้งเจ้าของห้องยังสามารถเข้าพักฟรีได้14 วันต่อปี

สำหรับเป้าหมายยอดขายบริษัทในปีนี้ 3,000 ล้านบาทจากยอดขายใน 2561 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่1,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการโอนโครงการ ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ ยอดขาย 70% ที่เริ่มโอนในไตรมาส แรกปีนี้ และโครงการเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา ยอดขาย 100%จะเริ่มโอนในไตรมาสสองปีนี้ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน(Backlog)อยู่ที่ 3,450 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 2563