อาจมีแรงทำกำไรระยะสั้นจากการที่ตลาดปรับขึ้นมาล่วงหน้า

อาจมีแรงทำกำไรระยะสั้นจากการที่ตลาดปรับขึ้นมาล่วงหน้า

ผลการเลือกตั้งพลังพลังประชารัฐมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล

ผลการเลือกอย่างไม่เป็นทางการ ฝ่ายพันธมิตรเพื่อไทย มี.สส.ประมาณ 226 ที่นั่ง ไม่ถึง 250 ที่นั่ง ทำให้สถานการณ์ในการตั้งรัฐบาลยังถือได้ว่าพลังประชารัฐ ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ และมีอำนาจในการต่อรองกับพรรคขนาดกลางสูงกว่า บนสมมติฐานว่า ส.ว.จำนวน 250 เสียง มีแนวโน้มสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผลจากการที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคขนาดกลางที่เป็นเป้าหมายในการร่วมมือกับฝ่ายต่างๆ อาจส่งผลบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มชิโนโทย อาทิ STEC, STPI ในระยะสั้นได้

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น อาจทำให้รับรองผลล่าช้า สุ่มเสี่ยงต่อการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ภาพรวมการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 65.96% จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 51.21 ล้านคน โดยมีบัตรเสีย 5.6%  อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งครั้งนี้มีปัญหาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากได้แก่ การพิจารณาบัตรดี-บัตรเสีย ที่มีหลายมาตรฐาน, บัตรลงคะแนนจากต่างประเทศล่าช้า, มีบัตรเสียจำนวนมาก, จำนวนบัตรและผู้มาใช้สิทธิ์ที่มากกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ์ อีกทั้งกกต.ประกาศหยุดนับคะแนน ซึ่งอาจผิดต่อมาตรา 117 ของพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ.2561 โดยกกต.เลื่อนแถลงผลการนับคะแนนที่ 95% มาเป็น 14.00 น. วันนี้ (จาก 21.00 น.) ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีปัญหาที่ทำให้การรับรองผลล่าช้าหรือเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่

บรรยากาศลงทุนภายนอกเป็นลบ จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลงต่อเนื่อง โดย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) มี.ค.ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 54.3 ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ PMI ของเยอรมนี อยู่ที่ 51.5 ต่ำสุดในรอบ 69 เดือน และ PMI ฝรั่งเศส 48.7 ต่ำกว่า 50 แสดงสัญญาณหดตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประเมินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจะช่วยจำกัดความเสี่ยงนี้

แกว่งตัว อาจย่อสั้น ก่อนขึ้นทดสอบ 1670 จุด การที่หุ้นไทยปรับขึ้นเพียง 5.3% ขณะที่ภูมิภาคขึ้น 11.3% จะช่วยรับความผันผวนหลังเลือกตั้ง เรายังชอบหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงกลั่น ปิโตรฯ ที่ราคาสะท้อนผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อาทิ PTT, PTTEP, TOP, BCP, PTTGC, SCC รวมถึง หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ CPF, TU, CPALL, AOT, ERW, MINT,STEC, GPSC, EGCO, BTS, BEM / กลุ่มร.พ. เราชอบ RJH, BCH

ภาพรวมกลยุทธ์: ประเมินแม้อาจผันผวนจากผลเลือกตั้ง แต่การย่อยังเป็ฯโอกาสซื้อ โดยนักเก็งกำไรใช้ 1,635 เป็นจุดตัดสินใจ // หุ้นแนะนำวันนี้ CPF, BCH, PRM* (เป้า 7.10 ตัดขาดทุน 6.00), STEC* (เป้า 24.50 ตัดขาดทุน 22.50)

แนวรับ 1630-1635 / แนวต้าน : 1660-1670 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

ผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีติดลบ –ครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี จากผลของตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซน เยอรมันนี และฝรั่งเศส ที่ชะลอตัวลง

จีนเตรียมเจรจากับสหรัฐฯสัปดาห์นี้ – ทำเนียบขาวเผยว่า สหรัฐฯเตรียมจัดเจรจาทางการค้ากับจีนในวันที่ 3 เม.ย. ก่อนการประชุมที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์ถัดไป

เร่งลงทุน EEC เตรียมยื่น ครม.อนุมัติ เม.ย.นี้ – สกพอ.เร่งหาเอกชนเข้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการหลักใน EEC ภายในเดือน เม.ย.นี้ ก่อนจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หากโครงการล่าช้า เอกชนมีสิทธิ์ฟ้องร้อง

ผลนับคะแนนยังเด็ดขาด – ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพบ พปชร. ได้ที่นั่งในสภาล่างสูสีกับ พท. รอตัดสินผ่านการดึงพรรคตัวแปร (ปชป., ภ.ท.) เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสร้างเสถียรภาพ

หุ้นที่มีการถือครองต่ำ – สามารถเลือกเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน MCOT, SAWAD, JMART, SAMART, SINGER, NER, III, PRM, JMT, DCC, SQ, STPI

ประเด็นติดตาม: 28 มี.ค. – GDP ไตรมาส 4/61 ของสหรัฐฯ / 29 มี.ค. – ตัวเลขการค้าไทย

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)