'อาคม' ชี้ 'ดิวตี้ฟรี' เข้าข่ายร่วมทุน

'อาคม' ชี้ 'ดิวตี้ฟรี' เข้าข่ายร่วมทุน

“อาคม” ร่อนหนังสือถึงทอท.อ้างอิง คำวินิจฉัยกฤษฎีกา ชี้กิจการดิวตี้ฟรีเข้าข่ายกิจการท่าอากาศยานทำอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ร่วมทุนแนะชะลอและพิจารณาเปิดประโยชน์อย่างรอบคอบ

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2562 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ทำหนังสือถึงประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เรื่อง : การดำเนินการประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลสิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ และประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลสิทธิประกอบกิจการการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยาน โดยมีข้อความว่ากระทรวงคมนาคมในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดของ ทอท. เห็นควรที่คณะกรรมการ ทอท. พิจารณาชะลอการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ตามเหตุผลต่างๆ ดังนี้

ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยมีคำวินิจฉัย เรื่อง : การให้เอกชนเข้าประกอบกิจการในพื้นที่ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งที่ 2 (เรื่องเสร็จที่ 392/2543) โดยได้พิจารณาว่าตามพ.ร.บ.การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 กำหนดให้ กิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยาน และกิจการการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสารของ ทอท. อยู่ในขอบข่ายของคำว่า กิจการท่าอากาศยาน อยู่ในกิจการตามมาตรา 7 (3) แห่ง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2562

นอกจากนี้ ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ ได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการบังคับใช้ ร่าง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ ต่อคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะในกรณีที่ร่าง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ มีผลทำให้กิจการที่จะต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือ ทรัพย์สินของหน่วยงานรัฐ ที่ไม่ใช่เพื่อจัดทำโครงการพื้นฐานและบริการสาธารณะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายดังกล่าวเท่านั้น

ดังนั้น เห็นควรที่คณะกรรมการ ทอท. จะได้พิจารณาทบทวนรูปแบบการเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมประกอบกิจการทั้ง 2 โครงการ โดยนำข้อห่วงใยและข้อเสนอแนะของทุกภาคส่วนไปประกอบการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ