กรุงไทยเปิดศูนย์นวัตกรรม-เทคโนฯขั้นสูง

กรุงไทยเปิดศูนย์นวัตกรรม-เทคโนฯขั้นสูง

กรุงไทยเปิดศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง แหล่งรวมคนรุ่นใหม่ คิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยี ยกระดับบริการครบวงจร

นายผยง ศรีวณิชกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย พร้อมด้วยผู้บริหารร่วมเปิด KrungthaiInnovation Lab ศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง แหล่งรวมคนรุ่นใหม่ที่ร่วมคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ยกระดับการให้บริการแบบครบวงจร เพื่อก้าวสู่ Invisible Platform ด้วย 4 แกนสำคัญเพื่อสนับสนุน Digital Payment Platform ของภาครัฐ ร่วมผลักดันการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ


นายผยง เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารได้ประกาศยุทธศาสตร์ดิจิทัลสู่การเป็น Invisible Banking ผ่านกลยุทธ์5P โดยสร้าง Platform ที่แข็งแกร่งเพื่อเชื่อมโยง 5 Ecosystems ได้แก่ กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ กลุ่มการชำระเงิน กลุ่มสุขภาพและการรักษาพยาบาล กลุ่มมหาวิทยาลัยและการศึกษา และกลุ่มระบบขนส่งมวลชน นอกเหนือจากความร่วมมือกับพันธมิตร (Partnership) พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะที่เหมาะสม (People)นำเทคโนโลยีมาช่วยปรับกระบวนการทำงานให้รวดเร็วขึ้น(Process) รวมทั้งเร่งยกระดับการให้บริการไปสู่ดิจิทัลผ่านทุกช่องทาง (Performance)ซึ่งธนาคารได้ทำควบคู่กับการสร้าง Krungthai Innovation Labเพื่อเป็นศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง ตอบโจทย์กลยุทธ์5P


Krungthai Innovation Labประกอบด้วย 4 แกนสำคัญได้แก่ 1.Business Innovation 2.Data Innovation 3.Product & Process Innovation และ 4.IT Innovation โดยแต่ละแกนมีการจัดตั้งทีมงานดูแล รวมทั้งธนาคารได้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้มีความสะดวก ทันสมัย เหมาะสมกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งการสร้างKrungthai Innovation Labในครั้งนี้ สอดคล้องกับความต้องการของธนาคารในการพัฒนาบุคลากร กระบวนการทำงาน และทักษะที่ทันสมัย รวมทั้งเป็นต้นแบบในการพัฒนาSoftwareด้วยแนวคิดแบบ Agile ซึ่งมุ่งเน้นการส่งมอบSoftware ที่ยืดหยุ่นสูง เพื่อให้ธนาคารสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ โดยแต่ละแกนได้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ดังนี้


แอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXTซึ่งมีศูนย์สั่งการด้วยจออัจฉริยะ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น มีระบบแจ้งเตือนแบบ Real time เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงจุดและทันท่วงทีและล่าสุดได้พัฒนา 5 ฟีเจอร์ใหม่ของแอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXT ได้แก่ บริการถอนเงินไม่ใช้บัตร ผ่านเครื่องเอทีเอ็มกรุงไทยกว่า 8,800 เครื่องทั่วประเทศ เปิดบัญชีออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ ไม่เสียค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี บริการตรวจสอบเครดิตบูโรออนไลน์ ด้วยตนเองตลอด 24 ชั่วโมง KrungthaiConnext รู้ทุกความเคลื่อนไหวทางการเงินผ่าน LINE สมัครง่าย ไม่มีค่าใช้จ่าย และ สมาร์ท AI ระบบอัจฉริยะที่รู้ใจ แนะนำรายการธุรกรรมที่สำคัญ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะผู้ใช้งานแต่ละท่าน ทั้งนี้ กรุงไทย NEXT ประสบความสำเร็จอย่างสูงมียอดผู้ใช้งานถึง 5 ล้านคน และมียอดธุรกรรมสูงกว่า 500 ล้านครั้ง หลังเปิดตัวได้เพียง 5 เดือน


AI Innovationแบ่งเป็น 3 ด้านคือ 1.Visualด้วยระบบ Face Recognition สแกนใบหน้า เพื่อระบุตัวตนของลูกค้า ป้องกันการทุจริตทุกรูปแบบ ระบบ Smart Document ให้ลูกค้าที่ต้องการทำธุรกรรม เช่น ขอสินเชื่อ เปิดบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถส่งหลักฐานสำคัญ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน รายการเดินบัญชีผ่านระบบออนไลน์ ทำให้กระบวนการยื่นเอกสาร และขออนุมัติรายการต่างๆ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยขึ้น ระบบ Object Detection ซึ่งเป็นSecurity Alert ที่สามารถแยกแยะและจับสังเกตบุคคลหรือวัตถุเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตราย รวมทั้งใช้ในการจัด Traffic ภายในสาขาได้อีกด้วย 2.Voiceเป็น Smart AI รองรับการแปลภาษาถึง 9 ภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สามารถแปลงเสียงเป็นอักษร และแปลงอักษรกลับเป็นเสียง โดยจะนำมาใช้ใน Krungthai Call

CenterและBooth Exchange รวมทั้งสาขา3.Chat Botระบบให้ข้อมูลอัจฉริยะ ให้คำแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ
สาขารูปแบบดิจิทัลนำเทคโนโลยีที่สามารถรับมือกับอาชญากรรมยุคใหม่ โดยได้ทยอยติดตั้งเครื่องตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ เชื่อมข้อมูลกับทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย และใช้เทคโนโลยี e-Signature เพื่อตรวจสอบลายเซ็นที่สามารถตรวจจับความถูกต้องและการกดน้ำหนักของลายเซ็นได้แม่นยำ สำหรับใช้ในการทำรายการต่างๆที่เคาน์เตอร์สาขาครอบคลุมทุกสาขาทั่วประเทศ อีกทั้งยังสามารถรับหลักฐานการทำธุรกรรมผ่านทางอีเมลและ SMS ได้ด้วย โดยมีแผนติดตั้งระบบ e-Onboarding ซึ่งสามารถตรวจสอบบัตรประชาชนพร้อมถ่ายรูปลูกค้าที่มาทำรายการเพื่อเปรียบเทียบยืนยันตัวตนได้อย่างแม่นยำสูงสุด


เชื่อมโยง 5 Ecosystems เช่น กลุ่มระบบขนส่งมวลชน ปัจจุบันผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐประเภทบัตรแมงมุม เวอร์ชั่น 2.0, 2.5 และประเภทบัตร Contactless (EMV 4.0) สามารถนำบัตรไปซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS ขสมก. รถไฟฟ้ามหานคร MRT รวมถึงจ่ายค่าผ่านทางพิเศษผ่านเครื่อง EDC ของธนาคาร โดยในอนาคตเตรียมนำเทคโนโลยี Face Access เพื่อจดจำใบหน้าของผู้ใช้บริการมาแทนตั๋วโดยสาร อีกทั้งสามารถตัดยอดเงินเพื่อชำระค่าบริการได้ด้วยกลุ่มมหาวิทยาลัยและการศึกษา พัฒนา U App อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรและนักศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน เช่น การชำระเงินค่าเทอม การเช็คตารางเรียน การยืมหนังสือในห้องสมุด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีระบบกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาแบบดิจิทัล (DSL) เพื่อตอบสนองการปฏิบัติงานของกองทุนฯ ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำในรูปแบบ Paperless และ DigitalIDกลุ่มการชำระเงิน พัฒนาแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แอปพลิเคชั่นเป๋าตุง และแอปพลิเคชั่น ถุงเงินประชารัฐ เพื่อให้บริการแก่ร้านค้า รวมทั้งติดตั้ง QR Code ในร้านค้า รถโดยสารประจำทาง เพื่อการก้าวสู่สังคมไร้เงินสดอย่างแท้จริง


เทคโนโลยี Blockchainช่วยให้การทำธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย และยกระดับความปลอดภัยป้องกันมิจฉาชีพสวมสิทธิ์ลูกค้าซึ่งมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่ถูกแก้ไข ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ โดยธนาคารได้นำ Digital ID Platform ซึ่งเป็นระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านการสแกนใบหน้า (Face Recognition) สำหรับเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่นกรุงไทย NEXT นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (TFEX)และ KT ZMICO ทำโครงการ Joint Exchange Development Initiative(JEDI) เพื่อให้บริการแลกเปลี่ยนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contract) เป็นเงินสกุลดอลลาร์หรือบาทภายใน 3 ชั่วโมงจากเดิม 30 วัน


นายผยง ศรีวณิช กล่าวในตอนท้ายว่าที่ผ่านมา ธนาคารได้สนับสนุนภาครัฐในการขับเคลื่อน Digital Payment Platform อย่างเต็มที่ โดยเริ่มจากโครงการ National E Payment การวางระบบ Digital Payment Super Highway เพื่อสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินแก่คนไทยในทุกภาคส่วนทั่วประเทศ สำหรับ Krungthai Innovation Lab คือ ก้าวต่อไปที่สำคัญในการคิดค้นนวัตกรรมที่ทันสมัยและปลอดภัย เหมาะกับการใช้งาน ง่ายต่อการขยายตัว สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลาย โดยเน้นให้เกิดการทำงานแบบร่วมมือในทุกภาคส่วน อันเป็นจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานการบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ เชื่อมโยงธนาคารกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในทุกมิติภายใต้แนวคิด Invisible Platform