'ศรีสุวรรณ' จี้กกต.สอบที่มาเงินนโยบายประชานิยม

'ศรีสุวรรณ' จี้กกต.สอบที่มาเงินนโยบายประชานิยม

"ศรีสุวรรณ" จี้กกต.สั่งพรรคการเมืองที่นำเสนอนโยบายแจกเงิน แจงที่มาเงิน-ผลได้เสีย ก่อนเลือกตั้ง หวั่นประชานิยม แจกมโหฬาร ทำประเทศล้มเหลวซ้ำรอย "เวเนซูเอล่า"

เมื่อวันที่ 18 มี.ค.62 เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบกรณีการโฆษณาหาเสียงของพรรคการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่ของนโยบายจะมีลักษณะการใช้เงิน การแจกเงินอย่างมากเข้าข่ายเป็นนโยบายประชานิยม ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง มาตรา 258 ก. (3) ประกอบ มาตรา 57 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ระบุนโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงิน การประกาศโฆษณานโยบายนั้นต้องมีรายการดังต่อไปนี้ (1) วงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ (2) ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย (3) ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย

"นโยบายที่พรรคการเมืองใช้หาเสียงน่าจะขัดต่อกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส. และรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนโยบายที่ใช้เงินจะต้องแจ้งว่าจะนำเงินมาจากแหล่งใด และมีการประเมินผลกระทบของนโยบาย แต่พรรคการเมืองกลับไม่นำเสนอที่มาของเงินในการดำเนินนโยบาย เกรงว่าหากพรรคการเมืองไม่ดำเนินการ จะทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม และเป็นโมฆะได้ ตามกฎหมายกำหนดให้ กกต. สั่งพรรคการเมืองให้ดำเนินการในเวลาที่กำหนด ขณะนี้เหลืออีกเพียง 4-5 วัน จะถึงวันเลือกตั้ง อยากให้ กกต. รีบแจ้งพรรคการเมืองเหล่านี้ให้ดำเนินการ อาทิเช่น พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคอนาคตใหม่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ" นายศรีสุวรรณกล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อไปว่า หากพรรคการเมืองใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ กกต. ให้มีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท ตามมาตรา 121 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ตลอดระยะเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เกรงว่านโยบายแจกเงินมโหฬาร สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศล้มเหลวเหมือนเวเนซุเอล่า หาก กกต. ยังเพิกเฉยต่อการแจ้งและบังคับให้พรรคการเมืองต่างๆปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายข้างต้นแล้ว อาจทำให้การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้เป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้การเลือกตั้งทั่วไปเป็นโมฆะได้ ดังนั้นจึงขอให้กกต.เร่งดำเนินการ หากชักช้า ตนจะนำเรื่องดังกล่าวฟ้องต่อศาลเพื่อเอาผิด กกต.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ต่อไป

นอกจากนี้ นายศรีสุวรรณ ยังได้ยื่นร้องกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. และแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินสายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อตรวจราชการนั้น เข้าข่ายแอบแฝงหาเสียงหรือไม่ มีการออกหนังสือราชการให้ผู้บริหารข้าราชการในจังหวัดและผู้นำท้องถิ่น เกณฑ์ชาวบ้านมาร่วมต้อนรับและรับฟังคำปรารภของนายกฯ ด้วย อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน มาตรา 78 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 ที่กำหนดห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายกระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ขณะนี้เป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งแล้ว ไม่สมควรอย่างยิ่ง จึงขอให้ กกต. ไต่สวนเรื่องดังกล่าวว่าเป็นความผิดหรือไม่