“พล.อ.ประยุทธ์” ยิ้มแทนคำตอบ ปมส่งคลิป ขึ้นเวที ปราศรัย "พปชร." ร่อนสารห่วง "นโยบายหาเสียง" ที่ใช้งบฯ อื้อซ่า หวั่น กระทบภาคส่วนอื่น
เมื่อวันที่ 15 มี.ค.62 เวลา 10.15 น. วันที่ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลุงทุน (บีโอไอ) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ปฏิเสธที่จะพูดถึงการส่งคลิปวิดิโอบนเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่ จ.สุโขทัย เมื่อวานนี้โดยกล่าวเพียงสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า เรื่องผลประชุมให้ไปถามข้างใน พร้อมส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยู และส่งยิ้มให้ผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้ส่งสารจากนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 15 มี.ค. 2562 โดยมีใจความว่า นายกรัฐมนตรีให้ความเห็นถึงการหาเสียงของทุกพรรคการเมือง กรณีการชูนโยบายว่าจะดำเนินการเรื่องใดๆ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณรัฐจำนวนมากบางเรื่องก็อาจกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ เอกชนรวมถึงภาครัฐ เช่น ด้านการศึกษา สวัสดิการและการขึ้นค่าแรง จึงขอยืนยันว่า ทุกรัฐบาลจะต้องดำเนินการภายใต้ระเบียบ วิธีการ กฎหมายด้านงบประมาณ การเงิน การคลังและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับรายได้และสัดส่วนงบประมาณโดยรวมของรัฐ มีทางเดียวที่จะทำได้ตามที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงกันไว้คือ รัฐต้องมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการเก็บภาษีทั้งทางตรงทางอ้อมกำไรและรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่นๆ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยให้มากขึ้น และหากงบประมาณไม่เพียงพอก็ต้องกู้เงิน ซึ่งจะต้องคำนึงถึงหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นด้วย การขึ้นค่าแรงก็ต้องไม่กระทบต่อการลงทุน การย้ายฐาน การผลิต การลงทุน ในขณะที่เรากำลังเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐ เพิ่มงาน เพิ่มอาชีพ และเพิ่มการดูแลสวัสดิการให้กับประชาชนคนไทย
ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่า หากเรายังหารายได้ให้รัฐมากขึ้นไม่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถทำตามนโยบายที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงไว้ได้ ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะเป็นใครพรรคใด จะต้องมีธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน อันได้แก่ หลักคุณธรรม ความโปร่งใส ความมีส่วนร่วมความรับผิดชอบ ความคุ้มค่า เราควรต้องได้นายกรัฐมนตรีแบบนี้ที่มีธรรมาภิบาล บริหารราชการอยู่ในกฎระเบีย กติกา กฎหมาย การดำเนินโครงการและงบประมาณจะต้องชี้แจงได้ว่าเราจะหางบประมาณมาจากไหน และอยู่ในวินัยการเงินการคลังหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลจะต้องดูแลประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ