ปณท รั้งแชมป์ผู้ส่งอีคอมเมิร์ซ

ปณท รั้งแชมป์ผู้ส่งอีคอมเมิร์ซ

เร่งอัพสปีดอีเอ็มเอสส่งเช้าได้เย็น-ขยายจุดสะดวกส่ง

ไปรษณีย์ไทยโชว์ยอดส่งสินค้าออนไลน์ปีที่แล้ว 310 ล้านชิ้น ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 54% กินเค้กในตลาดมากกว่าครึ่ง พร้อมลุยอัพเกรดอีเอ็มเอสส่งวันไหนถึงวันนั้น นำร่องกทม.และปริมณฑล ตั้งศูนย์คัดแยกสินค้าอีคอมเมิร์ซคู่ศูนย์บริการหลังการขาย เร่งเพิ่มจุดสะดวกส่งอีกกว่า 3 พันแห่งในปีนี้ ระบุให้ความสำคัญกับลูกค้ามาเป็นอันดับแรก ทั้งด้านความสะดวกในการเข้าถึงการใช้บริการ มีจุดให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ และบริการหลังการขาย

นายพิษณุ วานิชผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า จากความเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา และมีมูลค่าสูงถึง 3.2 ล้านล้านบาทเมื่อปี 2561 ทำให้ไปรษณีย์ไทยมีปริมาณงานจัดส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซสูงถึง 54% ของทั้งตลาด หรือประมาณ 310 ล้านชิ้น จากปริมาณรวม 580 ล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2562 ไปรษณีย์ไทย ยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการให้สามารถตอบสนอง และส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แคมเปญ “เคียงคู่ผู้ลงมือทำ” เพื่อให้สมกับรางวัล People’s Choice Award สาขา Excellent Delivery/Logistics Management of the Year 2019 ที่ได้รับจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ เอ็ตด้าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หนึ่งในแผนพัฒนาคุณภาพบริการเพื่อให้ไปรษณีย์เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า ได้แก่การยกระดับมาตรฐานอีเอ็มเอสส่งด่วนทั่วไทย ให้สามารถส่งถึงที่หมายได้ในวันเดียวกัน หากส่งก่อน 11.00 น. โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่ กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี ก่อนจะขยายไปยังตัวเมืองในพื้นที่ภูมิภาคต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการเปิดศูนย์คัดแยกสินค้าอีคอมเมิร์ซ เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตั้งศูนย์ประสานงานประจำที่ทำการไปรษณีย์ เพื่อดูแลบริการหลังการขาย ให้สามารถติดตามตรวจสอบสิ่งของ และเรื่องร้องเรียนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน จะมีการขยายจุดบริการฝากส่งสิ่งของในที่อื่น ๆ นอกจากที่ทำการไปรษณีย์ เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้บริการได้มากขึ้น ทั้งที่เป็นจุดส่งด่วน “อีเอ็มเอส พอยท์” กระจายอยู่ตามแหล่งชุมชนต่าง ๆ ทุกจังหวัด ซึ่งขณะนี้มีมากกว่า 1,700 แห่ง ไม่นับรวมจุดส่งด่วนที่ร่วมมือกับพันธมิตรค้าปลีกชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และ โลตัส เอ็กซ์เพลส โดยมีเป้าหมายจะขยายให้ได้มากถึง 1,500 สาขา ภายในปีนี้ รวมเป็นกว่า 3,200 แห่งทั่วประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้รับให้สามารถเลือกช่องทางรับสิ่งของตามความสะดวกได้มากขึ้น เช่น บริการนำจ่ายตามวันเวลาที่นัดหมาย หรือรอจ่าย ณ ตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ (ไอบ็อกซ์) ตลอด 24 ชม. เป็นต้น

“เราให้ความสำคัญกับลูกค้ามาเป็นอันดับแรก นั่นหมายความว่าลูกค้าของไปรษณีย์ไทยจะต้องได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้บริการ ทั้งด้านความสะดวกในการเข้าถึงการใช้บริการ มีจุดให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ความรวดเร็วตามมาตรฐานบริการ และบริการหลังการขายเป็นที่น่าพอใจ” นายพิษณุ กล่าวทิ้งท้าย

อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทย เตรียมจัดกิจกรรมเวิร์กช้อปในหัวข้อ “เคลียร์คำถามคาใจ ขายออนไลน์ให้ปัง” เพื่อเสริมความรู้แก่ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันที่ 28 มี.ค. เวลา 13.00 - 17.30 น. ณ ห้องโกวล์ฟิช สาทร อาคารสาทรธานี ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป