“ดุสิตธานี” ชูธุรกิจอาหาร หนุนรายได้ธุรกิจโรงแรม

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2561 ซึ่งปิดที่ 5,565 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.1% จากปีก่อน มีกำไร 290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% การผลักดันรายได้ให้เติบโตตามอัตราดังกล่าวถือเป็นเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ แม้ว่าในปีนี้บริษัทฯจะมีรายได้หายไป 20% จากการหยุดให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา

และจะเริ่มรื้อถอนโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯในเดือน เม.ย.นี้ เพื่อเตรียมพื้นที่ตรงหัวมุมถนนสีลมตัดกับพระราม 4 สำหรับพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส 4 ส่วน ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่, ศูนย์การค้า, อาคารสำนักงาน และอาคารที่พักอาศัย ซึ่งจะเปิดให้บริการในอีก 4 ปีข้างหน้า ตามที่บริษัทฯได้ประกาศร่วมทุนกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ไปก่อนหน้านี้

สำหรับกลยุทธ์การเติบโตในปีนี้ จะรุกขยายจำนวนโรงแรมผ่านรูปแบบการรับจ้างบริหาร (Asset Light) อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดโรงแรมใหม่ภายใต้การบริหารของดุสิต อินเตอร์เนชันแนล ประมาณ 10 แห่ง เช่นใน ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, จีน, กาตาร์, บาห์เรน และอื่นๆ ในเอเชีย เป็นไปตามแผนเปิดโรงแรมใหม่ทั้งในและต่างประเทศเฉลี่ยปีละ 10-12 แห่ง หลังได้เซ็นสัญญากับพันธมิตรในการพัฒนาโรงแรมราว 65 แห่งแล้วในปัจจุบัน ทำให้ในอีก 5 ปีข้างหน้าดุสิตฯจะมีโรงแรมไม่ต่ำกว่า 80 แห่ง

ขณะเดียวกัน ตามแผนการจัดโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯเพื่อกระจายความหลากหลายรายได้ ด้วยการรุกธุรกิจอาหารเพิ่ม ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจนี้ที่ 10% ของรายได้บริษัทฯทั้งหมดในปีนี้ และน่าจะมีสัดส่วนราว 10-15% ในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมเองก็เติบโตมากขึ้นด้วย

ด้านกลุ่มธุรกิจการศึกษา ล่าสุดโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ซึ่งเปิดให้บริการมา 12 ปี ได้ย้ายที่ทำการใหม่ไปอยู่ที่เซนทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 17-19 ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม 2,000 ตารางเมตร เพิ่มเป็นประมาณ 3,200 ตารางเมตร สามารถรองรับนักเรียนในหลักสูตรของโรงเรียนได้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ บมจ. ดุสิตธานี ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยว่า บริษัทฯได้พิจารณาการเข้าบริหารโรงแรมในรูปแบบเช่า (Lease Model) สำหรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบริหารจัดการทรัพย์สินเพื่อให้มีประสิทธิภาพและเกิดความสมดุลในโครงสร้างรายได้ระหว่างการรับจ้างบริหารกับการลงทุนสร้างโรงแรมเอง (Capital Investment) มากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของเงินลงทุนจำนวนมาก และยังรับรู้รายได้มากกว่าการรับจ้างบริหาร