MINT - ซื้อ

MINT - ซื้อ

จับจังหวะเข้าหุ้น

เราประมาณการว่าราคาหุ้นจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบระยะสั้นจนกว่าโรงแรม NH จะรายงานกำไรที่ดีในเดือนเม.ย. ทั้งนี้ MINT จะปรับตัวโดดเด่นกว่ากลุ่มในช่วงโลว์ซีซันของการท่องเที่ยวไทยในไตรมาส 2/62-3/62 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของโรงแรมในยุโรปมูลค่าหุ้นอยู่ในระดับปานกลาง โดยซื้อขายที่ PER ปี 2562 ที่ 26.3เท่า ต่ำกว่าระดับ 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหนือค่าเฉลี่ยที่ 28.6xPER เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 44 บาท (อ้างอิงจากการคิดลด 20% จากมูลค่า DCF, WACC ที่ 7.9% และ
terminal growth ที่ 2.0%)

พอร์ตการลงทุนของ MINT

หลังจากการควบรวม NH ในวันที่ 2 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา (ถือหุ้น 94.1%)พอร์ตการลงทุนของ MINT จะเติบโตแบบก้าวกระโดดจากส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศจาก 49% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 61% ในปี 2561(การกระจายความเสี่ยงสู่ยุโรป) ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับแผนธุรกิจ 5 ปี ของบริษัทที่ 72% ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมคือรายได้หลักสำคัญโดยคิดเป็น 64% ของรายได้รวม (53% ในปี 2560), 76% ของEBITDA (63%) และ 72% ของกำไรสุทธิ (62%) พอร์ตการลงทุนของMINT ทำสถิติสูงสุดที่ 75,241 ห้องพักในปี 2561 (เมื่อเปรียบเทียบกับ20,209 ห้องพักในปี 2560) ซึ่งเพิ่มอันดับโรงแรมที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในโลกจากลำดับที่ 68 มาอยู่ที่ 19

การคืนหนี้คือสิ่งสำคัญที่สุดในปี 2562

MINT พิสูจน์แล้วว่าไม่มีความเสี่ยงในการเพิ่มทุนจากอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่ 1.53 เท่า ณ สิ้นปี 2561 ซึ่งต่ำกว่าเงื่อนไขเงินกู้ที่ไม่เกิน1.75 เท่า ในปี 2562 ผู้บริหารให้ความสำคัญในการลดอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนมาอยู่ที่ 1.3 เท่า ภายในสิ้นปี 2562 (สอดคล้องกับการประมาณการของเรา) ซึ่งใกล้เคียงกับนโยบายภายในบริษัท โดย MINTอาจจะสร้างอัพไซด์จากกลยุทธ์การขายสินทรัพย์ เช่น การขายและเช่ากลับโดยทางเลือกแรกจะเป็นการขายโรงแรมภายใต้แบรนด์ Tivoli (มูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากการปรับปรุงโรงแรมในปี 2560)

NH กำลังเดินหน้า

จากข้อมูลในอดีตของ NH พบว่าบริษัทพิสูจน์แล้วว่าสามารถรายงานแผนธุรกิจได้ การเติบโตของรายได้ 5% ในปี 2561 มาอยู่ที่ 1.67 พันล้านยูโรEBITDA เติบโต 14% มาอยู่ที่ 265 ล้านยูโรและการเติบโตของกำไรสุทธิอยู่ที่ 197% มาอยู่ที่ 104 ล้านยูโร ในปี 2562 NH วางแผนที่จะรายงานการเติบโตของ EBITDA อยู่ที่ 7.5% มาอยู่ที่ 285 ล้านยูโร และกำไรสุทธิอยู่ที่100 ล้านยูโร (รวมถึงผลกระทบเชิงลบของมาตรฐานการบัญชี IFRS 16และ IAS 29) เราประเมินการเติบโตของอัตราการเข้าพักของ NH เพิ่มขึ้น2% ในปี 2019 (มาอยู่ที่ 72%) และการเติบโตของ ADR ที่ 2% นำไปสู่การเติบโตของรายได้ 5% ในปีนี้ อานิสงส์ส่วนเพิ่มที่ได้รับจากการควบรวมNH เข้าสู่ MINT นั้นยังไม่ได้สะท้อนลงแบบจำลองของเรา เนื่องจากจะใช้เวลาราวๆหกเดือนในการศึกษารายละเอียด,กำหนดและคำนวณตัวเลขที่จะได้เพิ่มขึ้นจากการทำงานร่วมกันในหลายๆส่วน

กำไรรายได้ไตรมาสเติบโตแบบก้าวกระโดดในไตรมาส 2/62 และต่อไปในอนาคต

เราไม่คาดหวังมากนักในระยะสั้นว่ากำไรหลักในไตรมาส 1/62 (คาดการณ์เบื้องต้นว่าจะเติบโต 5-10% YoYแต่ลดลง 3-5% QoQ) เนื่องจากช่วงโลว์ซีซันของการดำเนินงานของ NH โดยปกติแล้วจะขาดทุนในเดือนม.ค.-มี.ค. (ดูข้อมูลเพิ่มเติมในรูปที่ 8) ทั้งนี้การลงทุนใน NH จะเริ่มทำกำไรเต็มรูปแบบในไตรมาส 2/62ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของปีในเดือนเม.ษ.-มิ.ย. ดังนั้น MINT จะรายงานการเติบโตของกำไรหลักที่น่าสนใจในไตรมาส 2/62 จะเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้ง YoY และ QoQ และกำไรหลักในไตรมาส 3/62 จะแข็งแกร่งต่อเนื่องใน YoY และ QoQ