‘สี จิ้นผิง’สั่งเสริมแกร่งการเงิน-ดันศก.จีนโตยั่งยืน

‘สี จิ้นผิง’สั่งเสริมแกร่งการเงิน-ดันศก.จีนโตยั่งยืน

“สี จิ้นผิง”แนะ รัฐบาลจีนควรหาทางพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยไม่ลืมป้องกันความเสี่ยงต่อระบบการเงิน ขณะที่มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียบรรลุข้อตกลงร่วมมือด้านพลังงานกับจีน

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานวานนี้ (23 ก.พ.) ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวในช่วงอบรมเจ้าหน้าที่อาวุโสพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อวันศุกร์ (22 ก.พ.)ว่า จีนจำเป็นต้องมุ่งป้องกันความเสี่ยงบนพื้นฐานของการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการเพิ่มความสามารถในการปรับนโยบายการเงินและการคลังให้ตรงข้ามกับวัฏจักรเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะดำเนินไปในแนวทางที่สมเหตุสมผล

นายสีย้ำว่า การป้องกันและแก้ไขความเสี่ยงทางการเงิน โดยเฉพาะความเสี่ยงทางการเงินที่เป็นระบบคือภารกิจพื้นฐานของรัฐบาล แม้ภาคการเงินคือสิ่งที่รองรับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง แต่ต้องรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตอย่างยั่งยืนกับการป้องกันความเสี่ยง

ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน กล่าวเมื่อวันพุธ (20 ก.พ.)ว่า จีนจะไม่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบท่วมท้นเหมือนที่ผ่านมาอีก

เศรษฐกิจจีนเติบโตในอัตราต่ำที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี ทำให้รัฐบาลต้องหาทางกระตุ้นการเติบโตด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อและลดภาษี แต่หลังจากข้อมูลทางเศรษฐกิจออกมาน่าผิดหวังหลายครั้ง นักลงทุนเริ่มขอให้ทางการเร่งหรือส่งเสริมการสนับสนุนเพื่อลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างรุนแรง

ถ้อยแถลงล่าสุดของนายสียังมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังผู้นำจีนต้อนรับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ส่งสัญญาณถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง 2 ประเทศ

นายสี  กล่าวในตอนหนึ่งว่า จีนเป็นทั้ง “พันธมิตรและหุ้นส่วนที่ดี” ของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ดตรัสว่า ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับจีนนั้นเป็นไปด้วยดีและยั่งยืนมาอย่างยาวนาน และทรงมีพระราชดำรัสด้วยว่าแผนยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 นั่น “สอดคล้อง” กับแผนยุทธศาสตร์ปี 2573ของรัฐบาลริยาดอย่างมาก

สำนักข่าวซาอุดีเพรส (เอสพีเอ) ของทางการซาอุดีอาระเบียรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้แทนของรัฐบาลริยาดและรัฐบาลปักกิ่งลงนามร่วมกันในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) 35 ฉบับ ส่วนใหญ่เน้นการเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการลงทุน รวมมูลค่าประมาณ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งรวมถึงข้อตกลงมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์เกี่ยวกับการขยายกรอบความร่วมมือด้านพลังงานและปิโตรเคมี

ขณะที่มูลค่าการค้าระหว่างซาอุดีอาระเบียกับจีนเมื่อปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อนหน้า และเอสพีเอรายงานด้วยว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงมีพระราชดำริเรื่องการบรรจุหลักสูตรเกี่ยวกับจีนในระบบการศึกษาของซาอุดีอาระเบียในอนาคตด้วย