'อภิสิทธิ์' ชี้พรรคการเมืองมีสิทธิ์เสนอนโยบายกองทัพ

'อภิสิทธิ์' ชี้พรรคการเมืองมีสิทธิ์เสนอนโยบายกองทัพ

"อภิสิทธิ์" บอกพรรคการเมืองมีสิทธิ์เสนอนโยบายรวมไปถึงเรื่องของกองทัพ ระบุ ปชป.มีนโยบายพลทหารสมัครใจ ปรับลดงบฯ ชวนนายกฯร่วมวงเสวนา แลกเปลี่ยนแนวคิด

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 07.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางมาทำบุญตักบาตรที่วัดเบญจมบพิตร กราบองค์พระพุทธชินราชจำลอง เนื่องในวันมาฆบูชา ก่อนที่จะลงพื้นที่หาเสียงในเขตดุสิต ป้อมปราบ

โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาทำบุญในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษ และเมื่อถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ตนมองว่าพรรคการเมืองก็มีสิทธิ์ที่จะเสนอนโยบายต่างๆ ตนก็อยากจะให้ทุกฝ่ายมองอย่างนั้น และมีอะไรเป็นความเห็นที่ไม่ตรงกันก็ให้ว่ากันด้วยเนื้อหาสาระจะดีที่สุด อยากจะให้ช่วยกัน ทุกคนมีจุดยืนมีความคิดของตนเองได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นมาทุกอย่างเป็นเรื่องของความหลากหลายทางความคิด ถ้าหากไปในทางนั้นประเทศก็เดินหน้าต่อไปได้

"เพราะจริงๆแล้ว การนำเสนอนโยบายต่างๆ รวมไปถึงเรื่องของกองทัพก็สามารถทำได้ ทางพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีนโยบายเกี่ยวกับกองทัพ เรื่องที่จะมีพลทหารที่สมัครใจ การปรับลดงบประมาณ ปรับแนวทางในการทำงานบางอย่าง แต่ว่าเราก็พยายามนำเสนอในแนวทางที่ไม่นำไปสู่ความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น ส่วนทางท่านผบ.ทบ. ท่านเองก็เป็นข้าราชการ ก็อยากให้ท่านชัดเจนว่าท่านมีความเป็นกลางทางการเมือง แต่ถ้าหากท่านมีประเด็นอะไรที่ท่านมองว่า เกี่ยวข้องกับองค์กรของท่านที่เป็นข้อเท็จจริง อยากจะชี้แจงก็อยากให้ทำแบบนั้นมากกว่า แล้วทุกฝ่ายจะได้ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองไป "

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทางผบ.ทบ.ไล่ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดินว่าเป็นเรื่องของอารมณ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวว่า ตนไม่ได้เห็นการสัมภาษณ์ละเอียด ส่วนตัวไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องอารมณ์หรืออย่างใด ไม่ทราบว่าคำถามคำตอบนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับเรื่องการตัดลดงบประมาณของกลาโหมฯ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า เรื่องกำลังพลนั้นตนมองว่าลดได้ ส่วนในแง่ของการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์นั้นควรมองถึงเรื่องความจำเป็น ซึ่งส่วนนี้มีประเด็นปัญหาที่ผูกพันธ์กับงบประมาณอยู่ ว่าจริงๆแล้วสามารถปรับลดได้หรือไม่ และในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ก็มีแต่ในยุคของประชาธิปัตย์ที่เคยปรับลดงบประมาณกลาโหมลงได้ ซึ่งเราก็จะดูตามความจำเป็น รวมถึงทุกๆหน่วยงานไม่ใช่แค่เพียงกองทัพ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้มีการเสนอถึงกรณีงบกลาง ซึ่งตอนหลังทางนายกรัฐมนตรีสามารถอนุมัติได้ไปใช้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนแต่อย่างใด ตรงส่วนนี้ก็สามารถลดลงไปได้เยอะ หากทุกฝ่ายช่วยกันก็จะมีงบไปทำในเรื่องของสวัสดิการ ในการช่วยเหลือเรื่องของเศรษฐกิจอีกมาก

และเมื่อถามว่าจากกรณีที่นายกฯวิจารณ์การหาเสียงของพรรคการเมืองว่าเป็นท่าทีล้มเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า จริงๆแล้วตัวของท่านายกฯเองก็เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในฐานะที่เป็นผู้สมัครตำแหน่งนายกฯคนหนึ่ง ท่านก็ควรมาร่วมวงสนทนาร่วมกันด้วยซ้ำ เพื่อประชาชนจะได้เห็นว่ามีความคิดเห็นต่างกันอย่างไร ถ้าท่านเห็นว่าเป็นนโยบายที่ไม่ดี ท่านก็มาร่วมวงกัน จะได้ชี้แจงว่าเห็นอะไรที่ดีกว่า อย่างนี้ทุกฝ่ายก็จะเดินหน้าต่อได้ ถ้าต่างคนต่างพูดอย่างนี้ ประชาชนอาจวิตกกังวลถึงเรื่องความขัดแย้งได้

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ออกเดินทางไปลงพื้นที่หาเสียงต่อที่สวนรมณีนาถ เพื่อช่วยผู้สมัครส.ส. กทม. เขต1 ของพรรคประชาธิปัตย์คือนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ หาเสียงต่อที่ย่านเขตดุสิต ป้อมปราบ