รปช.เปิดปราศรัย จวกพรรคอ้างปชต. แต่ฟังคำสั่ง 'นายใหญ่' คนเดียว

รปช.เปิดปราศรัย จวกพรรคอ้างปชต. แต่ฟังคำสั่ง 'นายใหญ่' คนเดียว

ปราศรัยครั้งแรก "รวมพลังประชาชาติไทย" กร้าวสืบทอดเจตนามวลมหาประชาชน จวกพรรคอ้างปชต. แต่ฟังคำสั่ง "นายใหญ่" คนเดียว

ที่ปัฐวิกรณ์ ถนนนวมินทร์ เมื่อเวลา 17.30 น. พรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้จัดเวทีปราศรัยขนาดกลางเป็นครั้งแรก บริเวณลานดินใกล้ตลาดปัฐวิกรณ์ โดยมี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวพรรค , นายสุเทพ เทือกสุบรรณ , นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค คณะบริหารพรรคและผู้สมัครพรรค

นายประสาร มฤคพิทักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคได้เริ่มขึ้นเวทีปราศรัยเป็นคนแรก ซึ่งได้กล่าวถึงการต่อสู้เรียกประชาธิปไตยตั้งแต่ช่วง14 ตุลาฯ , พฤษภาทมิฬ 2535 พร้อมระบุว่า การตั้งพรรคไม่ใช่เกิดจากนายทุนที่คนคิดว่าจะมาลงทุนแล้วถอนทุนคืนเมื่อเข้าสภา แต่เกิดจากจิตวิญญาณมวลมหาประชาชนที่จะเขามาปฏิรูป โดยวันนี้พรรคเกิดขึ้นมาเพื่อสืบทอดการปฏิรูป ซึ่งที่ผ่านมาในการชุมนุม กปปส. เป่านกหวีด ต้องเสียเลือดเนื้อ กระทั่งได้เริ่มต้นจากที่กฎหมายเปิดโอกาสให้จัดตั้งพรรค โดยขณะนี้มีพรรคการเมืองที่บอกว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่ก็ขอตั้งคำถามว่าคนที่ทำผิดอาญาแผ่นดินแล้วหนีหัวซุกหัวซุนไปต่างประเทศ ผิดกรณีที่ดินรัชดา ผิดกรณีจำนำข้าวโดยปล่อยให้ลูกน้องติดคุกหัวโต นี่คือฝ่ายที่เรียกว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยหรือ

ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งคือกลุ่มพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตยที่ตอนนี้ถูกตัดสินว่าผิดกรณีที่ตั้งที่ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลแล้วก็ติดคุกเข้าเรือนจําเป็นเวลา 8 เดือน พี่น้องเห็นภาพเลยว่าแกนนำพันธมิตรฯ 5 คน กับนายสุริยะใส กตะศิลา ได้เดินอย่างสง่าผ่าเผยเข้าเรือนจำ เพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐ นิติธรรม และที่มีพรรคหนึ่งเขาบอกว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่เหตุการณ์วันที่ 8 ก.พ. เขากลับนำชื่อในราชวงศ์เสนอมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ท่านทรงอยู่เหนือการเมืองไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ซึ่งหลังจากมีประกาศพระราชโองการ พรรคการเมืองที่บอกว่าประชาธิปไตยกำลังถูกจะพิจารณาเรื่องยุบพรรค ในไม่กี่วันนี้ และจะเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยพรรคไทยรักไทยก็เคยอยู่ถูกยุบพรรคมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่ 2 ก็ถูกยุบพรรคพลังประชาชน โดยในช่วงที่ถูกยุบพรรคก็ถูกกล่าวหาว่าโกงเลือกตั้ง โดยครั้งนี้จะเป็นการยุบพรรคครั้งที่ 3 ภาษาฟุตบอลเขาจะเรียกว่าแฮตทริก

นี่คือฝ่ายประชาธิปไตยละเมิดกฎหมาย ละเมิดรัฐธรรมนูญแล้วเขาก็เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เขาบอกว่าเขาเป็นฝ่ายประชาธิปไตยแต่กลับเดินแนวทางแตกแบงค์พันเป็นแบงค์ร้อย คือตั้งพรรคเดียวแต่แตกไป 3-4 พรรค โดยให้พรรคเพื่อไทยยึดพื้นที่อีสานกับเหนือ ส่วนพรรคไทยรักษาชาติให้พื้นที่ภาคใต้ พรรคเพื่อชาติให้พื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ก็มีสวิตช์มาจากทางไกลบอกให้เดินหน้าต่อไป ให้เชิดหน้าต่อไปอย่ายอมแพ้ นี่คือประชาธิปไตยที่ทำตามคำสั่งบัญชาการของคนคนเดียว ดังนั้นลองนึกดูว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยจริงหรือไม่

นายประสาร กล่าวย้ำถึงนโยบายตอนท้ายว่า เราเป็นพรรคใหม่ที่เกิดขึ้นเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน เราไม่ใช่พรรคของนายทุน ภายในพรรคก็มีเลือกตั้งจากสมาชิก 17 ศูนย์ทั่วประเทศ ขณะที่นโยบายของพรรค นอกจากการปฏิรูปทั้งการเกษตร ตำรวจ และด้านอื่นๆ เราก็ยังเคารพสิทธิสตรี ด้วยโดยวันนี้ผู้สมัครของพรรคมีผู้ชาย 75 คน ผู้หญิง 75 คน