เจรจาการค้าคืบหน้าหนุนดาวโจนส์บวกกว่า 400 จุด

เจรจาการค้าคืบหน้าหนุนดาวโจนส์บวกกว่า 400 จุด

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันจันทร์หน้า (18ก.พ.) เนื่องในวันประธานาธิบดี

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (15ก.พ.)ทะยานกว่า 400 จุด ขานรับการคาดการณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการคลายความวิตกเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์) เป็นรอบที่ 2 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 443.86 จุดหรือ 1.74% ปิดที่ 25,883.25 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 29.87 จุดหรือ 1.09% ปิดที่ 2,775.6  จุดและดัชนีแนสแด็ก เพิ่ม 45.46จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 7,472.41 จุด

ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 ในสัปดาห์นี้ ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า จีนและสหรัฐสามารถบรรลุฉันทามติในหลักการต่อประเด็นที่สำคัญในการเจรจาการค้าในสัปหน้านี้ที่กรุงปักกิ่ง โดยทั้งสองฝ่าย ได้หารือกันเกี่ยวกับประเด็นการถ่ายโอนเทคโนโลยี, การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา, ดุลการค้า, ภาคบริการและการเกษตร รวมทั้งการหลีกเลี่ยงการสร้างอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี

นอกจากนี้ จีนและสหรัฐยังได้เจรจาในรายละเอียดเกี่ยวกับการทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ทางด้านการค้าและเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวในวันนี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความคืบหน้าที่สำคัญในสัปดาห์นี้ และทั้งสองฝ่ายจะยังคงเจรจาต่อไปที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้าซึ่งจีนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ข้อขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ

ด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ทวีตข้อความว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้มีผลลัพธ์ที่ดี

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณ และแผนการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนแล้ว เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือช่วงเที่ยงพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ทำให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) รอบ 2

 ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวจะให้เงินทุนแก่หน่วยงานรัฐบาลจำนวน 9 แห่งเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้จนถึงวันที่ 30 ก.ย. โดยหน่วยงานเหล่านี้ได้ถูกปิดทำการ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลจำนวน 800,000 รายถูกพักงานชั่วคราวในช่วงชัตดาวน์ก่อนหน้านี้ ขณะที่หน่วยงานอื่นๆ ที่ถูกมองว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติยังคงสามารถเปิดดำเนินงานในช่วงชัตดาวน์

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์  ยังใช้อำนาจประธานาธิบดีลงนามในประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส