ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงสั้นมีอิทธิพลต่อตลาดมากกว่าผลประกอบการ

ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงสั้นมีอิทธิพลต่อตลาดมากกว่าผลประกอบการ

ค่าเงินสหรัฐฯแข็งค่าหลังแถลงนโยบายและสหรัฐขาดดุลลดลง

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (Dollar Index) ปรับตัวขึ้น 0.35% สู่ระดับ 96.3977 หลังปธน.ทรัมป์แถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส เรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายการค้าต่างตอบแทน (Reciprocal Trade Act) และร่างกฎหมายที่จะทำให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆ ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ พ.ย.ลดลง อย่างไรก็ตามหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับลดลงเล็กน้อยจากการรายงานผลการดำเนินงานของหุ้นบางตัวที่ต่ำกว่าคาดการณ์

กนง.คงดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นในอนาคต คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ "คงดอกเบี้ย” ด้วยคะแนน 4 ต่อ 2 เสียง ส่งสัญญาณเข้มข้นถึง แนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นได้ในระยะข้างหน้า ย้ำห่วงเสถียรภาพการเงิน หลังพบ สัญญาณหนี้ครัวเรือนยังปรับเพิ่มและการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ยังน่ากังวล อย่างไรก็ตามเราประเมินกนง.ยังคงดอกเบี้ยนโยบายไปอีกระยะ ส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มการเงิน อาทิ SAWAD, MTC, THAINI, TK, ASK

ติดตามการประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เราประเมินช่วงสั้นการเมืองมีอิทธิพลและเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดมากกว่าผลประกอบการ โดยการประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคต่างๆ จะฉายภาพความเป็นไปได้ของการจับกลุ่มทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง, การส่งสัญญาณประนีประนอม รวมถึงความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบาย ซึ่งเราแนะนำนักลงทุนติดตามการประกาศรายชื่อของพรรคต่างๆใกล้ชิดในช่วง 7-8 ก.พ.

ผันผวนแต่โมเมนตัมการเก็งกำไรรายตัวยังเป็นบวก เรามองเป็นโอกาสเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับลงแรงสะท้อนแนวโน้มผลการดำเนินงานที่แย่ไปแล้วในไตรมาส 4/61 อย่างกลุ่มพลังงาน โรงกลั่น เน้นตั้งรับเมื่ออ่อนตัว PTT, PTTEP, TOP, BCP ทั้งนี้เราชอบกลุ่มค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว ไฟฟ้า สาธารณูปโภค อาทิ CPALL, ROBINS, CPF, TU, AOT, ERW, MINT, EGCO, GSPC, BEM, BTS

ภาพรวมกลยุทธ์: โมเมนตัมหลักยังเป็นบวก การขึ้นทดสอบ 1660-1670 จุด อาจผันผวนจากการเข้าเขตซื้อมากเกินในช่วงสั้น อย่างไรก็ตามหากเกิดสัญญาณของการประนีประนอมทางการเมืองอาจผลักดันตลาดขึ้นทดสอบ 1680 จุด ได้ // หุ้นแนะนำวันนี้ BEM*, GUNKUL, MAJOR /เก็งกำไร DCC* (เป้า 2.40 ตัดขาดทุน 2.10), PLANB* (เป้า 7 ตัดขาดทุน 6.25)

แนวรับ 1645-1650 / แนวต้าน : 1660-1670 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

เลือกตั้งฟื้นเชื่อมั่นธุรกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประจำก.พ. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.07% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยมีปัจจัยกระตุ้นมาจากการประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจน, ความคืบหน้าเจรจาการค้า, เสถียรภาพของรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง, ความต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐ

BEM – คณะกรรมการบริษัทมีมติ ยุติข้อพิพาทกับ กทพ.ที่เรียกร้องค่าเสียหาย 137,517 ลบ. แลกยืดสัญญาสัมปทานด่วนขั้นที่ 2 (ส่วนดี)-สายบางปะอินปากเกร็ด จากสิ้นสุด 2563-2570 เป็นถึง 21 เม.ย.2600 โดยจะนำเสนอที่ประชุมวิสมัญผู้ถือหุ้น 18 มี.ค.62 อิงอัตราผลตอบแทนการลงทุนของบริษัท คิดเป็นมูลค่าเพิ่ม 2.06 บาท ทำให้ราคาเหมาะสมเพิ่มเป็น 12 บาท

เปิดสถิติหั่นเครดิตพุ่ง - ทริสฯ เปิดสถิติปี 2561 หั่นเครดิต 13 บริษัท ปรับเพิ่ม 8 บริษัท อัตราการผิดนัดชำระหนี้ขยับสูงขึ้น

ประเด็นติดตาม: 7 ก.พ. – สุนทรพจน์ประธานเฟด, BOE meeting / 13 ก.พ. – ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค. / 14 ก.พ. – ตัวเลขการค้าจีน เดือน ม.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)