โป๊ะแตก! 'สารคามโมเดล' แกะรอยวิชามารโซเชียล?

โป๊ะแตก! 'สารคามโมเดล' แกะรอยวิชามารโซเชียล?

จับประเด็นร้อน..โป๊ะแตก! 'สารคามโมเดล' แกะรอยวิชามารโซเชียล?

"บางนา บางปะกง" เขียนคอลัมน์ตลาดนัดนักเลือกตั้ง เรื่องแกะรอย "วิชามาร" ที่ "มหาสารคาม" ระบุว่า ในที่สุดสิ่งที่หลายฝ่ายกังวลในการเลือกตั้งหนนี้คือ เฟคนิวส์ (Fake news) หรือข่าวปลอม ที่นักข่าวบางคนเรียกว่า วัชพืชแห่งวารสารศาสตร์ อย่างเช่นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ มีปล่อยข่าวลวงและข้อมูลปลอมมากมายก่อนวันเลือกตั้ง

ปัจจุบันข่าวสารถูกเผยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ผ่านช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย ข่าวจริงข่าวเท็จจึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งสังคมไทยที่มีการแบ่งขั้วแบ่งข้าง ยิ่งมีการใช้เฟคนิวส์เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น

เหตุเกิดที่มหาสารคาม

สองวันมานี้มีการปล่อยคลิปผ่านทางไลน์ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก โดยจั่วหัวว่า พปชร. ปราศรัยโจมตีทักษิณ ชาวบ้านเลยเดินหนี บ้างก็เขียนว่าชาวบ้านทนฟังอดีต ส.ส. ย้ายพรรคไม่ได้เลยหนีกลับบ้าน

เรื่องมีอยู่ว่า พรรคพลังประชารัฐ เลือกบ้านท่าสองคอน ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นเวทีปราศรัยใหญ่ในช่วงเย็นวันที่ 23 มกราคม โดยมีการจัดเตรียมเก้าอี้สำหรับชาวบ้าน 5 พันตัว แต่ชาวบ้านมานั่งเกือบเต็ม

สมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และ จุรีพร สินธุไพร อดีตแกนนำเสื้อแดง เดินทางมาถึงเวที ก็แนะนำตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.จังหวัดมหาสารคาม 5 เขตคือ เขต 1 นงลักษณ์ ทุงจันทร์ เขต 2 สุทธิ์สวัสดิ์ บัวบาน เขต 3 เดชา ปัสสำราญ เขต 4 โกศล คาดพันโน และเขต 5 นคร อันทปัญญา

ทั้ง 5 คนคือสมาชิก อบจ.มหาสารคาม ที่เคยสังกัดกลุ่มยิ่งยศ อุดรพิมพ์ อดีตนายก อบจ.ผู้ล่วงลับ และส่วนใหญ่ไม่เคยลงสมัคร ส.ส.มาก่อน ยกเว้น โกศล คาดพันโน

การปราศรัยของแกนนำพรรคพปชร.ใช้เวลา 30 นาที ก็ต้องรีบเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ขอนแก่น ประดาอดีต ส.ส.ที่ติดตามสมศักดิ์ก็เดินทางไปส่งประธานยุทธศาสตร์ บนเวทีจึงมีแต่กลุ่มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. มหาสารคาม และร้อยเอ็ด

ไฮไลท์การปราศรัยอยู่ที่สมศักดิ์ เทพสุทิน เมื่อพิธีกรรมบนเวทีจบ ผู้สมัครบางคนอยากปราศรัยต่อ แต่ชาวบ้านเห็นว่า มืดค่ำแล้ว ก็เดินทางกลับ เพราะถือว่าจบภารกิจแล้ว

เรื่องจริงมีอยู่แค่นี้แต่ก็เจอคลิปชาวบ้านทิ้งเวทีปราศรัย กลายเป็นโรคระบาดในโซเชียล

เธอชื่อ “ส.จ.จ๋า”

เขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองมหาสารคาม อ.แกดำ และ อ.โกสุมพิสัย (เฉพาะตำบลแก้งแก) พรรคพลังประชารัฐ เลือกนักการเมืองท้องถิ่น “ส.จ.จ๋า” หรือ “นงลักษณ์ ทุงจันทร์” ลงสนาม และแกนนำพรรคภาคอีสาน หมายมั่นปั้นมือ จึงเลือกเวทีปราศรัยใหญ่ที่บ้านท่าสองคอน

เฟซบุ๊กของ “ส.จ.จ๋า” ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ได้โพสต์ว่า “หนูเกิดมาพร้อมกับความจน เพราะหนูไม่ใช่ลูกชาวนา แต่เป็นลูกคนเช่านาเขาทำ จึงเข้าใจปัญหาและพร้อมเดินเคียงข้าง..เพื่อพี่น้องของ ส.จ.จ๋าค่ะ” พร้อมภาพถ่าย ส.จ.จ๋า ในสีเสื้อพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อการเลือกตั้ง ส.อบจ.มหาสารคาม เมื่อปี 2555 ส.จ.จ๋า ได้รับเลือกตั้ง ชนะคู่แข่งขาดลอย เนื่องจากเป็นคนติดดิน คลุกคลีกับชาวบ้านในพื้นที่ ด้วยการรับหน้าที่พิธีกรในงานต่างๆ รวมทั้งร้องเพลงเพราะ เลยมีฉายา “ส.จ.จ๋า ลูกสาวหล่าของพี่น้อง” กลางปีที่แล้ว ส.จ.จ๋า ทำซิงเกิลเพลง “ฮักเด้อ” ออกมาขับกล่อมแฟนๆ

ลำพัง ส.จ.จ๋า คนเดียวคงไม่ทำให้คู่แข่งต้องหวาดหวั่น หากแต่ผู้ที่ทำตัวเป็น “กองเชียร์” อยู่ข้างหลังคือ “ทองหล่อ พลโคตร” อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคไทยรักไทย 2 สมัย

ทองหล่อถอยจากสนามการเมืองใหญ่และวางแผนลงชิงตำแหน่งนายก อบจ.มหาสารคาม สมัยต่อไป ช่วงนี้ทองหล่อซื้อใจส.อบจ.ที่แยกตัวออกมาจากค่าย “อุดรพิมพ์” ด้วยการเป็นกองหนุน ส.จ.จ๋า เพราะฐานเสียงเดิมของทองหล่อ สมัยเป็น ส.ส. นั้นก็คือเขต 1 มหาสารคาม

บอกแล้วว่าการปล่อยคลิปสกัดดาวรุ่งเที่ยวนี้มีเบื้องหลัง

“หมอติ่ง” เปลี่ยนสีเสื้อ

วันที่ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์“ มาปราศรัยที่เวทีพรรคเพื่อไทย อ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย ปรากฏว่า “นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม เขต 1 ได้เข้าร่วมเวทีปราศรัยด้วย

คอการเมืองมหาสารคามค่อนข้างแปลกใจที่ “หมอติ่ง” หรือ “เสี่ยติ่ง” นายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม และเจ้าของกิจการดูห้างเสริมไทยพลาซ่า ตัดสินใจลงสมัครส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทย

30 กว่าปีก่อน จิรศักดิ์ คณาสวัสดิ์ บิดาของหมอติ่ง ก็เคยเป็นนายกเล็กเมืองมหาสารคาม และมีคู่แข่งคือ “สุรจิตร ยนต์ตระกูล” ทายาทดีลเลอร์ใหญ่ในภาคอีสานของค่ายรถยนต์โตโยต้า

เลือกตั้ง 2550 “สุรจิตร” ลงสมัครส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.สมัยแรก และปี 2551 นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคามสมัยแรก

ท่ามกลางสงครามขั้วสี ทีมงานของหมอติ่งหลายคนเป็นคนเสื้อเหลือง นายกเล็กสารคามก็เลยถูกจัดให้อยู่ขั้วตรงข้ามทักษิณ

ตอนที่หมอติ่งได้รับเลือกเป็นสมาชิก สปช. ก็มีนินทาว่า หมอติ่งหนุน กปปส. เลยได้ตำแหน่ง สปช. ทั้งที่จริงๆ แล้ว หมอติ่งเป็นคนกว้างขวาง รู้จักผู้คนทุกขั้วสี

บังเอิญว่า สุรจิตร ยนต์ตระกูล ได้รับข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้จาก “กงสีร้อยเอ็ด” ให้เลิกเล่นการเมืองสนามใหญ่ สุรจิตรเลยเข้าเจรจากับหมอติ่ง

เมื่อได้รับข้อเสนอจากสุรจิตรให้ลงสมัครส.ส.เขต 1 มหาสารคาม ในสีเสื้อเพื่อไทย แลกกับการหนุนสุรจิตรเป็นนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม หมอติ่งก็ตอบตกลง

เลือกตั้ง 2554 สุรจิตร ยนต์ตระกูล โกยแต้มมากถึง 6 หมื่นคะแนน ทิ้งห่างอันดับสองที่เป็นอดีตรองนายก อบจ.มหาสารคาม พรรคภูมิไทยใจ ถึง 4 หมื่นคะแนน

มองยังไงหมอติ่งก็เป็นต่อ “ส.จ.จ๋า” อยู่หลายช่วงตัว ทั้งกระแสคน กระแสพรรค