'สำนักนายกฯ' ออกแถลงการณ์ แนะนำกกต.กำหนดวันเลือกตั้งไม่กระชั้นชิด

'สำนักนายกฯ' ออกแถลงการณ์ แนะนำกกต.กำหนดวันเลือกตั้งไม่กระชั้นชิด

แถลงการณ์ "สำนักนายกรัฐมนตรี" แนะนำกกต.กำหนดวันเลือกตั้ง ย้ำต้องไม่กระชั้นชิดเกินควรจนกระทบต่อระยะเวลาหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองและผู้สมัคร

สำนักนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ เรื่องการเลือกตั้งทั่วไป ความว่า วันนี้ (23 ม.ค.) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้นำพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลใช้บังคับแล้ว ผลคือภายใน 5 วัน นับแต่วันนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดวันเลือกตั้ง และรับสมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขต จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี จำนวนเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด และสถานที่ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญซีรายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ

ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 นอกจากนั้น วิธีการหาเสียงเลือกตั้งตลอดจนระยะเวลาในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งจะต้องปฏิบัติและเริ่มนับตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป ตามมาตรา 173 ซึ่งน่าจะเป็นการยุติความลังเลสงสัยได้ว่าจะมีการเลือกตั้งหรอไม่ และเมื่อใด

ทั้งนี้ การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่การประสานงานระหว่างรัฐบาลกับคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสานเพียงเท่าที่จำเป็นต่อการแจ้งข้อมูลให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบถึงกำหนดการและกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่จะมีขึ้นก่อน ระหว่างพระราชพิธี และภายหลังพระราชพิธีเพื่อไม่ให้กิจกรรมเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะต้องดำเนินการภายหลังานเลือกตั้ง ซึ่งบางเรื่องสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมอยู่แล้ว ไม่ทับซ้อนหรือเสี่ยงต่อการทับซ้อนกับกำหนดการพระราชพิธีดังกล่าว หรือพระราชพิธีประจำปีในเรื่องอื่น ๆ เช่น พระราชพิธีสงกรานต์ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูขา ตลอดจน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับรู้เพื่อจะได้ช่วยกันรักษาบรรยากาศ ในระหว่างนั้น ไม่ให้เกิดความสับสน ความขัดแย้งหรือเสียความตั้งใจดีและการมีจิตอาสาสาธารณะ เพราะประชาชนทั่วไปคงปลื้มปีติยินดีสมานฉันท์ในอันที่จะได้มีโอกาสร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อันหาได้ยากอีกคราหนึ่ง นับตั้งแต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อ พ.ศ. 2493 เป็นต้นมา

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเชื่อว่าวันเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะกำหนดขึ้นนี้จะไม่กระชั้นชิดเกินควรจนกระทบต่อระยะเวลาหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองและผู้สมัคร และไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้ใด ทั้งจะไม่ช้าเกินควรจนเกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชน เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ยาวนานกว่า 150 วันนับจากวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับอยู่แล้วซึ่งหมายความว่าการมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะเกิดขึ้นในราวกลางปีนี้อันเป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้เมื่อหลายเดือนก่อน

ขณะเดียวกัน รัฐบาลขอให้ประชาชนช่วยกันรักษาบรรยากาศความสงบเรียบร้อยและความสามัคคี ปรองดองดังที่ปรากฏตลอดระยะเวลา 4 ปีเศษที่ผ่านมาให้ยั่งยืนต่อไปจนผ่านพ้นการเลือกตั้งและการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อความเป็นสวัสดิมงคลแก่บ้านเมืองและเป็นที่ชื่นชมยินดีของนานาชาติ การหาเสียงเลือกตั้ง การเสนอโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนย่อมทำได้ตามวิถีทางประชาธิปไตย เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดและเป็นไปได้จริงแก่ประชาชน แต่ความขัดแย้ง ข้อพิพาทบาดหมางจนนำไปสู่วิกฤตของบ้านเมืองดังในอดีต ไม่ควรจะกลับมาหลอกหลอนเราอีก

ขณะเดียวกัน ขอให้พี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งช่วยกันออกไปใช้สิทธิให้มากที่สุดให้สมกับที่รอคอย โดยขอให้มีความรู้เท่าทันผู้สมัคร และมีความเข้าใจวิธีการเลือกตั้งแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างไปจากเดิม รัฐบาลหวังว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งและทุ่กฝ่ายจะช่วยกันใช้ระยะเวลาที่มีอยู่นับแต่นี้ไปสร้างความรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องเหล่านี้แก่ประชาชน เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบร้อย บริสุทธิ์ และยุติธรรมสมตามความประสงคของพวกเราทุกคน

1_106