ข่าวสหรัฐล้มถกการค้าจีนฉุดดาวโจนส์ดิ่งกว่า 300 จุด

ข่าวสหรัฐล้มถกการค้าจีนฉุดดาวโจนส์ดิ่งกว่า 300 จุด

หากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เป็นอัตรา 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร (22 ม.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ทรุดตัวลงกว่า300 จุด หลังสื่อรายงานว่าทำเนียบขาวปฏิเสธแผนจัดการเจรจาการค้ากับจีนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วง 301.87 จุดหรือ 1.22 % ปิดที่ 24,404.48 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วง 37.81 จุดหรือ 1.42 % ปิดที่ 2,632.9 จุดและดัชนีแนสแด็กลบ 136.87 จุดหรือ 1.91% ปิดที่ 7,020.36 จุด

สื่อรายงานว่า ทำเนียบขาวปฏิเสธแผนการจัดการเจรจาการค้ากับจีนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความแตกต่างทางความคิดของทั้งสองฝ่ายในการบังคับใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งก่อนหน้านี้ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) มีกำหนดพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีช่วย 2 รายในสัปดาห์นี้ เพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 1 มี.ค. แต่การประชุมดังกล่าวถูกยกเลิกไปในที่สุด 

 หากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เป็นอัตรา 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

นักลงทุนรายหนึ่งที่เข้าร่วมการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ได้แสดงความกังวลต่อปัจจัยต่างๆ ซึ่งอาจกระทบตลาด ซึ่งได้แก่ การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความไม่แน่นอนกรณีที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท)

นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์)ของสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ทำสถิติยาวนานเป็นประวัติการณ์ และส่งผลกระทบต่อพนักงานของรัฐบาลจำนวน 800,000 คนยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่เตือนว่ายังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ โดยไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.5% ในปีนี้ และ 3.6% ในปีหน้า ต่ำกว่าระดับ 3.7% สำหรับทั้ง 2 ปีที่มีการคาดการณ์ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว

ส่วนสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) เปิดเผยว่าจีดีพีในไตรมาส 4/2561 ขยายตัวเพียง 6.4% ส่วนจีดีพีตลอดปี 2561 ขยายตัว 6.6% จากระดับของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี อันเนื่องมาจากผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน