ทีเอ็มบีประกาศกำไรปี61นำโด่งโต54%

ทีเอ็มบีประกาศกำไรปี61นำโด่งโต54%

ทีเอ็มบีประกาศกำไรปี 61 ทะยาน 54% หรือ 3หมื่นล้านบาท หลังรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยพุ่งพรวด จากการรับรู้รายได้และกำไร1.2หมื่นล้านบาท หลังขายหุ้นบลจ.ทหารไทย 65% ในไตรมาส3ที่ผ่านมา ส่วนสำรองเพิ่มเป็น1.6หมื่นล้านบาท จากปีก่อน9พันล้านบาท รับIFRS9

           นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี(TMB) กล่าวว่าผลประกอบการปี 2561 มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ 30,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.7% แต่อย่างไรก็ตาม หากหลังหักสำรองฯ และภาษี กำไรสุทธิธนาคารอยู่ที่ 11,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.6%

         โดยกำไรที่เติบโตในปีนี้ถึง 54% หลักๆมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต85.3% มาอยู่ที่ 23,545 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้จากการบันทึกกำไร 1.2 หมื่นล้านบาท จากการขายหุ้นในบลจ.ทหารไทย จำนวน 65% ในไตรมาส 3 ปี 2561 เพื่อเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับอีสท์สปริง อินเวสต์เมนทส์ (สิงคโปร์) โดยมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับการให้บริการด้านกองทุนรวม หรือ ‘TMB Open Architecture’ ทำให้ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 48,042 ล้านบาท ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงต่อเนื่อง

        ในส่วนของสินเชื่อนั้น ธนาคารเน้นการให้สินเชื่ออย่างรอบคอบเพื่อให้การโตของพอร์ตเป็นไปอย่างมีคุณภาพ โดยสามารถขยายสินเชื่อได้ที่ 6.6%จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 6.86 แสนล้านบาท นำโดยสินเชื่อรายย่อยเติบโต 18% สินเชื่อที่อยู่อาศัยโตกว่า20% ซึ่งธนาคารได้เน้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำสอดคล้องกับแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน นำโดยลูกค้าธุรกิจรายใหญ่เติบโต 7% โดยเฉพาะสินเชื่อเทรดไฟแนนซ์เติบโต 18% ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีขนาดเล็กฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเติบโตได้ที่1.7% จากปีก่อนหน้า

       ทั้งนี้ จากแนวคิด การพัฒนาการให้บริการในทุกๆ ช่องทางเพื่อยกระดับ Customer Experience และรองรับรูปแบบการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลของลูกค้า ทำให้ในปี 2561 ทีเอ็มบีสามารถขยายฐานลูกค้า Retail Active Customer เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.6 ล้านคน จากปีก่อนหน้าที่ 2.5 ล้านคน และมีสัดส่วนลูกค้าดิจิทัล (Digital Active Customers) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่48% จาก 35% ในปีที่แล้ว และขยายฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นได้ 6.2% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 6.50 แสนล้านบาท

        ซึ่งในปี 2561 ME by TMB ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Digital Bank ด้วยการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในขั้นตอนการแสดงพิสูจน์ตัวตน หรือ E-KYC เพื่อให้บริการเปิดบัญชีเงินฝาก ME SAVE ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ME SURE  ถือเป็นธนาคารแรกที่ให้ลูกค้าสามารถซื้อประกันชีวิตได้เองผ่านโมบายแอปพลิเคชันด้วย

         ขณะเดียวกันภายใต้ การปรับลดชั้นสินเชื่ออย่างรอบคอบด้วยการตั้งสำรองฯ เพิ่มจากระดับปกติเป็นจำนวน 7,000 ล้านบาท โดยรวมทั้งปี ธนาคารดำเนินการตั้งสำรองฯ ทั้งสิ้นจำนวน 16,100 ล้านบาท เทียบกับ 8,915 ล้านบาทในปีที่แล้ว โดยหลังจากหักสำรอง และภาษี ธนาคารมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 11,601ล้านบาท เติบโต 33.6%

        “การตั้งสำรองฯ ที่สูงขึ้นในปี 2561 ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล เพราะเป็นผลจากการที่ธนาคารเน้นการบริหารจัดการอย่างรอบคอบและการเตรียมรับ IFRS 9 ไม่ได้มีสาเหตุจากคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง แท้จริงแล้วคุณภาพสินทรัพย์ค่อนข้างทรงตัวและมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจากสำรองฯ ที่สูงขึ้นและสัดส่วนหนี้เสียที่อยู่ที่ 2.76% ทำให้อัตราส่วนสำรองฯ ต่อหนี้เสียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 152% จาก 143% ในปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ดีขึ้น”