คาดชัตดาวน์ยุค ‘ทรัมป์’ทุบศก.สูญ1.2 พันล้าน/สัปดาห์

คาดชัตดาวน์ยุค ‘ทรัมป์’ทุบศก.สูญ1.2 พันล้าน/สัปดาห์

ภาวะ “ชัตดาวน์” ในสหรัฐที่ยังหาทางออกไม่ได้ขณะนี้ ทำสถิติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศเนื่องจากพรรคเดโมแครตและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงตกลงกันไม่ได้เรื่องงบประมาณสร้างกำแพงเม็กซิโก

การปิดที่ทำการรัฐบาล หรือชัตดาวน์ เป็นบางส่วนที่ทำให้พนักงานของรัฐราว 8 แสนคน ไม่ได้รับค่าจ้างไม่ว่าจะพักงานหรือทำงานมาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมาจะเข้าสู่วันที่ 22 ในวันเสาร์ที่ 12 ม.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ทำลายสถิติชัตดาวน์นาน 21 วันในระหว่างวันที่ 16 ธ.ค. 2538 ถึงวันที่ 6 ม.ค. 2539 ในสมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน

สภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากไม่อนุมัติงบ 5,700 ล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการใช้สร้างกำแพงเม็กซิโก เป็นเหตุให้เขาไม่ลงนามร่างงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทนี้

นอกจากนั้น เว็บไซต์โพลิติโก รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า การที่พนักงานของรัฐหลายแสนคนไม่ได้เงินค่าจ้างในช่วงชัตดาวน์ ทำให้การใช้จ่ายเงินในตลาดหดหาย ส่วนบริษัทคู่สัญญาเอกชนและคนงานอื่น ๆ ที่ทำกับรัฐบาลต่างก็ได้รับผลกระทบไปด้วย คิดแล้วเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ สัปดาห์ละ 1,200 ล้านดอลลาร์

เมื่อเทียบกับภาวะชัตดาวน์ 16 วันในยุคอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา จากความขัดแย้งในงบสวัสดิการสุขภาพ เมื่อเดือนต.ค. 2556 มีมูลค่าเสียหายทางเศรษฐกิจที่ไม่รวมส่วนรายได้ ซึ่งรัฐควรได้จากกิจการต่าง ๆ เช่น สวนสาธารณะ คิดเป็นเงิน 2,500 ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์เคยขู่หลายครั้งว่า จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อใช้งบดังกล่าวโดยไม่ต้องให้สภาอนุมัติขณะที่ฝ่ายคัดค้านติงว่า หากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะเป็นการก้าวล่วงรัฐธรรมนูญและเป็นตัวอย่างอันตรายให้แก่ประเด็นถกเถียงอื่น ๆ