'หญิงหน่อย' กร้าวฝากผู้มีอำนาจอย่าคุกคาม ไม่แฟร์เพื่อไทยทำถูกกฎหมาย

'หญิงหน่อย' กร้าวฝากผู้มีอำนาจอย่าคุกคาม ไม่แฟร์เพื่อไทยทำถูกกฎหมาย

"หญิงหน่อย" ฉะห้ามใช้สถานที่ราชการปราศรับพบ ปชช. ต้องเสมอภาคทุกพรรค ไม่งั้นอันแฟร์ ชี้ไม่เคยขอรัฐส่งจนท.อารักขา หากดูแล ปชช.ก็ถือมีน้ำใจต้องใส่เครื่องแบบชัดเจน ไม่ยืนจับกลุ่มมุมมืดเหมือนถูกสะกดรอยตาม

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 62 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถ.แจ้งวัฒนะ ภายหลังร่วมวงเสวนา "เวทีมองไปข้างหน้า กับการสร้างหลักประกันสุขภาพเพื่อคนไทยทุกคน" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุนาพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงเหตุการณ์ ที่ห้ามใช้สถานที่ราชการใน จ.พะเยา การปราศรัยระหว่างพบปะประชาชนในพื้นที่ว่า โดยประสบการณ์ และข้อเท็จจริงที่ตนได้ทำงานการเมืองมาหลายปี การที่จะใช้เวทีปราศรัยหรือทำกิจกรรมใดๆ เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ทางราชการจะให้ใช้สถานที่ราชการทุกครั้ง เช่น สนามหลวงก็ถือเป็นสถานที่ราชการ และการไปตามจังหวัดต่างๆ ก็ต้องไปตามสนามกีฬาใหญ่ๆ ที่เป็นสถานที่ราชการ แต่ถ้าเป็นการใช้สถานที่ของเอกชน หากเป็นพรรคใหญ่อาจมี Connection ดีก็อาจจะขอใช้สถานที่เอกชนได้ แต่พรรคเล็กไม่มี Connection ก็อาจจะใช้สถานที่เอกชนไม่ได้

ขณะที่ตั้งแต่อดีต นานมาแล้วเขาก็ให้ใช้สถานที่ราชการได้ แต่ครั้งนี้พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเองก็ไปใช้สนามกีฬา 700 ปีที่ จ.เชียงใหม่ ส่วนใน จ.พะเยาเอง ก่อนหน้าที่พรรคเพื่อไทย จะลงไปพบปะประชาชน;ก็มีพรรคการเมืองของฝั่งที่สนับสนุนรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปใช้สถานที่ที่เป็นของเทศบาลถึง 2 ครั้งก็เป็นสถานที่ราชการเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องความชัดเจนจากฝ่ายผู้มีอำนาจว่า ตกลงการไม่ให้ใช้สถานที่ราชการนั้น ไม่ให้ใช้กับบางพรรคหรือไม่ให้ใช้ทุกพรรคและถ้าไม่ให้ใช้ทุกพรรคแต่ที่ผ่านมาทำไมมีบางพรรคใช้ได้ แบบนี้จะจัดการอย่างไรและมาตรการต่อไปจะมีมาตรฐานอย่างไร ก็ขอให้มีความชัดเจนว่าจะทำอย่างไร

"คุณหญิงสุดารัตน์" เล่าเหตุการณ์ว่า เราไม่ได้ทำแตกต่างจากพรรคที่สนับสนุนรัฐบาลทำเลย การปราศรัยขอพบปะพี่น้องประชาชน เมื่อวานนี้ก็ได้รับหนังสืออนุญาตจากทางราชการเรียบร้อยแล้ว จนไปตั้งเวทีและตั้งเก้าอี้ได้จนเสร็จ แต่อยู่ๆ ก็มีการแจ้งยกเลิกในเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่มีการนัดหมายจะพบประชาชนอยู่แล้วในเวลา 09.00 น. จึงไม่มีใครที่จะไปยกเลิกคนหลายๆ 1,000 คนที่จะมาได้ทัน เพราะมีการยกเลิกเราอย่างกะทันหัน แต่เพราะพวกเราไม่ต้องการให้ข้าราชการเดือดร้อน ก็รู้ว่าเขาถูกบังคับมาเพราะข้าราชการผู้ใหญ่ไม่ต้องเอ่ยชื่อ เดี๋ยวเขาจะเดือดร้อน เขาโทรมาคุยกับตนเองว่าได้รับคำสั่งจากผู้ใหญ่ที่อยู่กรุงเทพฯว่า อย่าให้มีการปราศรัยเด็ดขาด เราเห็นใจข้าราชการเขา ถ้าเกิดเขาไม่ทำตามคำสั่งเขาก็ต้องโดน อีก ดังนั้นเราจึงไม่ได้เข้าไปในสถานที่ที่เขาห้ามเลย แต่จะให้เราทำอย่างไรในเมื่อประชาชนมาแล้วเราจะไปยกเลิกได้อย่างไร เราก็ใช้รถเครื่องเสียงขนาดเล็กและเข้าไปขออนุญาตให้มันถูกต้อง เดี๋ยวจะหาว่าผิดกฎหมายอีก

"ก็ไม่เป็นไรค่ะ ท่านมีอำนาจ จะรังแก ข่มเหงเรายังไงก็ทำไป เพราะว่าไปห้ามเขาไม่ให้ใช้อำนาจในการข่มเหงเรา ก็ทำไม่ได้ แต่แนวทางข้างหน้าควรจะมีความชัดเจน อย่าอ้างว่าสถานที่ราชการไปใช้ปราศรัยไม่ได้ก็ในเมื่อพรรคที่สนับสนุนพวกท่าน ท่านก็ให้ใช้ แต่พอพวกเราท่านไม่ให้ใช้ ไม่ใช่มาตรฐาน ต้องเรียกว่าไม่ยุติธรรม"

เมื่อถามว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไร "คุณหญิงสุดารัตน์" กล่าวว่า ตัวผู้สมัครเขาก็อาจจะดำเนินการฟ้องร้องเนื่องจากเขาได้รับหนังสืออนุญาตเป็นทางการว่าให้เขาเข้าไป มีหนังสือลงลงวันที่ ตีตราของหลวงชัดเจนว่าอนุญาตให้ใช้สถานที่ได้ เขาก็ไปลงทุนลงแรง เอาเต็นท์มาลง จัดเวทีและเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นเรื่องของผู้สมัครจะพิจารณาว่าเขาจะจะฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือไม่ ซึ่งหาผู้สมัครเขาจะฟ้องเขาก็คงจะพิจารณาฟ้องจากหน่วยงานก่อน โดยหน่วยงานที่รับคำสั่งอันมิชอบมาก็ต้องแก้ต่างต่อไป

เมื่อถามถึงเหตุการณ์การติดตามรักษาความปลอดภัยของกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ จะบอกหรือไม่ว่าเราไม่ต้องการ "คุณหญิงสุดารัตน์" กล่าวว่า อยากเรียนก่อนว่าปกติทุกครั้งที่เสร็จสิ้นภารกิจ ตนจะเดินตรงไปหาข้าราชการไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัคร , ตำรวจบ้าน , อปพร. หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เขาใส่เครื่องแบบแล้วเขามาช่วยดูแลเราตนจะเดินไปจับมือขอบคุณเขาทุกครั้งที่เขามาดูแลความสงบเรียบร้อย ให้กับประชาชนจำนวนมากที่มาพบเราซึ่งพวกเขาก็จะใส่เครื่องแบบทำให้เรารู้ว่าเขาเป็นใคร แต่กรณีที่เกิดขึ้นกับตนล่าสุด จริงๆ ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้พักใหญ่แล้ว แต่ที่เกิดขึ้น ใน จ.เชียงราย ก็จะมีลักษณะของชายฉกรรจ์ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีดำ ไม่ปรากฎป้ายชื่อแสดงสังกัด หรือลักษณะของเครื่องแบบชัดเจนที่ให้เห็นว่าเป็นหน่วยงานใด แต่มาเดินตามซึ่งไม่ได้มาเพียง 1 หรือ 2 คน โดยพวกเขาก็จะเดินตามเราไปทุกจุด เช่นไปตลาดก็จะเดินซ้าย-ขวาแล้วถ่ายรูป โดยลักษณะการแต่งกายของชายฉกรรจ์ที่ไม่มีความชัดเจนว่าเป็นหน่วยงานใด ทำให้เราต้องเดินเข้าไปถามว่าเขาเป็นใครจึงมาติดตามเรา ถ้าไม่เข้าไปถามก็คงผิดปกติแล้วเพราะการที่มีบุคคลมาเดินติดตามก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีเรื่องที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับเราในฐานะประชาชนเรามีสิทธิ์ที่จะรักษาชีวิตของเรามีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าใครมาติดตามเรา โดยปกติเวลาที่ตนลงพื้นที่ก็จะมีเลขาฯ ที่เป็นผู้หญิง ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ตนจึงเดินเข้าไปถามด้วยตนเองดีๆ ว่าพวกเขามาจากไหน

"ถ้าจะมารักษาอารักขากันจากหน่วยราชการส่งมา ก็เป็นเรื่องที่ดี มีน้ำใจต้องขอบคุณ ที่มีการส่งเจ้าหน้าที่มาอารักขาดูแลความปลอดภัยโดยที่เราไม่ได้ขอ แต่ถ้าจะให้ดี ก็โปรดสวมเครื่องแบบมาทำแสดงตัวให้ชัดว่ามาจากหน่วยงานใด ไม่ใช่มาในลักษณะที่เสมือนเราเป็นโจรเป็นผู้ร้ายมีคนมาสะกดรอยตามเรา โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ใส่ชุดนอกเครื่องแบบทำให้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ขณะที่ก็ไปยืนอยู่ในมุมมืดยืนกันอยู่ 6-7 คนมองมาที่เรา ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้ขอให้มาอารักขาเราแต่ถ้าเกิดเป็นห่วงเรามากอยากจะส่งมาก็ควรช่วยมาบอกกันด้วยและช่วยใส่เครื่องแบบมา ไม่เช่นนั้นเราจะมีความรู้สึกในทางตรงกันข้ามมากกว่าว่าเราถูกคุกคามจากใครก็ไม่รู้"

เมื่อถามว่า ต่อไปในการลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ จะมีการปรับแผนอย่างไรบ้าง "คุณหญิงสุดารัตน์" กล่าวว่า ถ้ายังมีการห้ามใช้สถานที่ราชการจริงก็ต้องปฏิบัติกันอย่างเสมอภาค เพราะพรรคเราก็ไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างจากพรรคที่สนับสนุนนายกฯตู่ เป็นนายกฯ ต่อไปเลย ใช้สถานที่แบบเดียวกัน ทำหนังสือขออนุญาตถูกต้องและได้รับอนุญาตมาแล้วด้วย แต่กลับถูกยกเลิกโดยคำสั่งจากผู้ยิ่งใหญ่เช่นที่ผ่านมา ต่อไปการปฏิบัติต่อไปจะมีมาตรฐานอย่างไรก็ควรช่วยแสดงให้เห็นความชัดเจนเพื่อจะได้ทำให้ถูกต้อง ดังนั้นถ้าถามว่าจะเราจะปรับแผนอย่างไร ตนก็ตอบไม่ได้ว่าจะปรับแผนอย่างไรเพราะที่ผ่านมาพวกตนทำตามกฎหมายถูกต้อง ขออนุญาตถูกต้อง ได้รับอนุญาตถูกต้อง ก็ไม่ทราบจะปรับแผนอย่างไร

"ได้แต่เพียงขอความชัดเจนจากผู้มีอำนาจไม่ใช่นึกว่าตัวเองมีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้ ต้องช่วยให้ความเป็นธรรม จึงจะเป็นการเลือกตั้งที่ยุติธรรมไม่เช่นนั้น ก็จะเป็นการอันแฟร์ สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้จริงๆ" เมื่อถามถึงผู้มีอำนาจที่กล่าวถึง "คุณหญิงสุดารัตน์" กล่าวว่า ข้าราชการระดับสูงเขาก็แจ้งมาว่าเขาอึดอัดใจเราเองก็ไม่อยากให้เขาลำบากใจ ซึ่งพวกตนต้องขอโทษประชาชนเพราะในวันดังกล่าวต้องมานั่งบนพื้นถนนลาดยางมะตอยซึ่งเวลาแดดส่องก็จะมีอุณหภูมิร้อนมาก ขณะที่ประชาชนก็ได้รอพบไม่ได้เดินทางกลับเราเองก็พยายามที่จะไม่ละเมิดเมื่อเขาสั่งห้ามเข้าสถานที่ และเราก็ไม่อยากให้ข้าราชการตัวเล็กๆ หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนใดมาเดือดร้อนเพราะเราเราจึงไม่เข้าไป