เปิดมุมมองทำไมต้อง “ชัชชาติ” ลิสต์บัญชีนายกฯเบอร์หนึ่ง“เพื่อไทย”

เปิดมุมมองทำไมต้อง “ชัชชาติ”  ลิสต์บัญชีนายกฯเบอร์หนึ่ง“เพื่อไทย”

ชื่อ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกอกถูกใจ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” จนต้องออกแรงขอให้มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) จนขึ้นเวทีฉายเดี่ยวนโยบายเศรษฐกิจของพรรคจนคนแดนไกลต้องปรบมือให้

เสียงเชียร์จาก “แกนนำ” ในพรรคพท. ส่งสัญญาณให้ชู “ชัชชาติ” ขึ้นเป็นแคนดิเดตรายชื่อนายกรัฐมนตรีเบอร์หนึ่งของพรรค ตั้งทีมวิเคราะห์-ทำโพล เสียงประชาชนตอบรับ “ชัชชาติ” มากกว่า “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง

กรุงเทพธุรกิจ มีมุมมองจาก “นักวิชาการ” ที่ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิดมานำเสนอ ว่าทำไมรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจของพรรคพท. จึงต้องชื่อ “ชัชชาติ” ไม่ใช่ชื่อ “สุดารัตน์” เหมือนที่คาดหมายกันไว้ก่อนหน้านี้

นายตระกูล มีชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า น่าจะมาจาก 3 ประเด็นหลัก คือ ประเด็นแรก จากสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อนักการเมือง ตามที่ปรากฎเป็นข่าว โดยปรากฎว่า นายชัชชาติ ยังมีคะแนนความนิยมเหนือกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นอย่างมาก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ทางพรรค พท.มีเป้าหมายคะแนนเสียงจากคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ประเด็นที่สอง ในฐานะที่เป็นนักการเมืองนั้น ความเป็นผู้นำของนายชัชชาติ ถือว่ายังไม่มีแผล ต่างจากคุณหญิงสุดารัตน์ ที่พลาดพลั้งกับการเคลื่อนไหวในบางเรื่อง จนตกเป็นกระแสวิพากษ์ รวมถึงการถูกวิจารณ์จากหลากหลายมุมมองจากเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทำให้เป็นเป้าหมายให้ถูกโจมตีง่ายกว่า

ประเด็นสุดท้าย มาจากปัญหาภายในพรรค ที่สมาชิกพรรคจากภูมิภาคต่างๆ เช่น ส.ส.กลุ่มอีสาน หรือ กทม.ยังไม่สนิทใจหรือประสงค์พร้อมจะผลักดันให้คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเป็นผู้นำพรรค ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสของนายชัชชาติ ในฐานะที่เป็นนักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ฝักใฝ่สีเสื้อการเมืองใดๆ จึงเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการนำพาพรรค พท.ประสานมือกับพรรคการเมืองต่างๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลได้ดี

นายสติธร ธนานิติโชติ นักวิชาการชำนาญการ สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ลำดับการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่มีผลต่อการเสนอชื่อหลังการเลือกตั้ง เพราะหากมีรายชื่อ 2 คน ก็อาจเสนอใครเป็นอันดับ 1 ก็ได้ เพราะลำดับที่ปรากฎอยู่ตอนนี้เป็นเพียงการจัดเรียงตามหลักธุรการเท่านั้น ซึ่งในพรรค พท.เอง ก็มีข่าวว่า อาจมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าสู่บัญชีเป็นบุคคลที่ 3 ซึ่งเมื่อถึงเวลาการเสนอชื่อ ก็ยังไม่อาจฟันธงได้ว่า 1 ใน 3 คนนี้ ใครจะได้เสนอชื่อเป็นนายกฯ

ผมเห็นด้วยกับสาเหตุของการเสนอชื่อนายชัชชาติ เข้าสู่บัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. แต่ในช่วงเวลานี้โอกาสยังไม่อยากให้มองว่า พรรคพท. จะเสนอนายชัชชาติ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีจริง เพราะการประกาศว่า ใครได้รับการเสนอชื่อให้อยูในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค อาจเป็นเพียงยุทธศาสตร์การหาเสียงของพรรค พท.เท่านั้น

เพราะก่อนการเลือกตั้ง เกือบทุกพรรคจำเป็นต้องหยั่งเสียงของประชาชนหาคะแนนนิยมที่มีต่อพรรคการเมืองและสมาชิกทุกคนภายในพรรค ซึ่งคาดว่า นายชัชชาติ ได้รับความนิยมจากคนในเมืองหลวง คนรุ่นใหม่ ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ อาจได้รับความคุ้นเคยจากคนในชนบท

ฉะนั้น จึงเสนอทั้ง 2 ในบัญชีผู้จะถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการชูคุณหญิงสุดารัตน์เพียงลำพัง แม้จะทำคะแนนจากคนต่างจังหวัดได้ แค่ต้องสูญคะแนนจากคนในเมือง ฉะนั้น ในการหาเสียงไม่ว่าจะเป็นในเมือง หรือชนบท พรรคพท. ก็สามารถชูบุคคล ทั้ง 2 ท่าน ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงได้รับทราบซึ่งจะทำให้พรรคไม่เสียคะแนน

นายชัชชาติเอง ที่ได้รับการเสนอชื่อกับการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะความเป็นนักการเมือง ที่แม้จะมีประสบการณ์น้อยกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ แต่หากนับอายุงานก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสร้างฐานการเมืองให้มั่นคงขณะเดียวกัน ความนิยมที่ได้รับจากกลุ่มคนต่างๆ ทั้ง นักธุรกิจ คนรุ่นใหม่ คนเมือง หรือประชาชนที่ไม่นิยมการแบ่งฝ่าย ก็ต้องยอมรับว่า เป็นโอกาสที่ดีในการนำพาพรรค พท.ได้รับชัยชนะ

ด้าน นายทวี สุรฤทธิกุล นักวิชาการรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช(มสธ.) กล่าวเสริมว่า เหตุผลที่นายชัชชาติ ได้รับการเสนอชื่อนั้น มาจากภาพลักษณ์ที่คนรุ่นใหม่ต้องการ ไม่ว่าการมีความพร้อม Active ยังไม่มีประวัติด่างพร้อย ขณะเดียวกันคนรุ่นเก่า ก็อาจหันมาชอบนายชัชชาติได้ หลังจากที่เบื่อหน่ายนักการเมืองแบบเก่าๆ ที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีประวัติดีซักเท่าไร และที่สำคัญ จากผลสำรวจความเห็นของประชาชนที่แสดงให้เห็นความคะแนนนิยมของนายชัชชาติ อยู่ในระดับที่สูงมาก

ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่นายชัชชาติ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับภาระงานระดับชาติที่ต้องเชื่อมโยงกับการเมืองทุกกลุ่ม รวมถึงภาคส่วนต่างๆ ในสังคม แต่ด้วยพรรคเพื่อไทยมีบุคคลที่มีประสบการณ์และความสามารถ เมื่อรวมกับบุคคลิกของนายชัชชาติ ก็เชื่อว่า ภาระหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพียงแต่เส้นทางนี้ ถูกกำหนดไว้แล้วว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น

ทั้งหมดคือความเห็นจาก นักวิชาการอีกไม่นานเกินรอจะได้รู้กันว่า ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์จะใช้ใครเป็นหมากเดินเกมการเมือง พา เพื่อไทยโกยคะแนนเสียงเข้าสภาได้มากที่สุด