กังวลเศรษฐกิจโลกถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ

กังวลเศรษฐกิจโลกถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ

หลังตลาดปิดทำการ แอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ยังปรับลดคาดการณ์แนวโน้มรายได้ โดยให้เหตุผลยอดขายที่อ่อนแอลงในตลาดจีน ส่งผลให้ราคาหุ้นของแอ๊ปเปิ้ล ร่วงลงไป 8%  เช่นเดียวกับราคาหุ้นของบรรดาซัพพลายเออร์ที่จัดหาชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆให้แอ๊ปเปิ้ล

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ(2ม.ค.)ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 18.78 จุดหรือ 0.08% ปิดที่ 23,346.24 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  เพิ่มขึ้น 3.18 จุดหรือ 0.13% ปิดที่ 2,510.03 จุดและดัชนีแนสแด็กบวก 30.66 จุดหรือ 0.46 % ปิดที่ 6,665.94 จุด

ทั้งนี้ ช่วงเปิดตลาดซื้อขายวันแรกของปี2562 ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 300 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐ อันเนื่องจากการขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์

ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตของจีน ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 50 ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2560 

นอกจากนี้ ดัชนีพีเอ็มไอ ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนธ.ค. สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่ภาคการผลิตของเยอรมนีขยายตัวต่ำสุดรอบ 33 เดือน และสเปนขยายตัวต่ำสุดรอบกว่า 2 ปี ส่วนภาคการผลิตของฝรั่งเศสหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 27 เดือน ขณะที่อิตาลีหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) กล่าวเตือนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่า สหรัฐอาจจำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อให้สหรัฐได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการเจรจาการค้ากับจีน

นายไลท์ไฮเซอร์ ซึ่งเป็นแกนนำของฝ่ายสหรัฐในการเจรจาการค้ากับจีน กล่าวว่า เขาต้องการที่จะขัดขวางไม่ให้ปธน.ทรัมป์ยอมรับ“สัญญาลมๆแล้งๆ”จากจีน เช่น การเพิ่มวงเงินซื้อถั่วเหลืองสหรัฐเพียงชั่วคราว ในการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า

ข่าวนี้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงดำเนินต่อไป และทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่สามารถทำข้อตกลงการค้าก่อนที่ช่วงเวลาการสงบศึกการค้าเป็นเวลา 3 เดือนจะสิ้นสุดลง หลังจากเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 ธ.ค.ปีที่แล้ว