โลกธุรกิจหมุนด้วย ‘ไอโอที’

โลกธุรกิจหมุนด้วย ‘ไอโอที’

ไอโอทีกลายเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ

“ธุรกิจที่นำเอาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์มาปรับใช้อย่างจริงจัง จะกลายเป็นองค์กรอัจฉริยะ ที่สามารถก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำตลาดและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว”

ศิวัจน์ โรจนเต็มศักดิ์  ผู้จัดการประจำประเทศไทย ซีบรา เทคโนโลยีส์ กล่าว พร้อมวิเคราะห์ว่า โลกในยุคดิจิทัลที่เกิดการเชื่อมต่อถึงกันแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน การนำเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่พนักงานและยกระดับการเข้าถึงข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ ขณะนี้พบด้วยว่าหลายองค์กรเริ่มหันมาลงทุนกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ หรือ ไอโอที เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันกันมากขึ้นตามลำดับ

“ยุคแห่งดิจิทัลส่งผลให้คนและเทคโนโลยีมีความใกล้ชิดและพึ่งพากันมากขึ้นในหลายๆด้าน องค์กรหลายแห่งที่ต้องการเดินหน้าสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคตต่างตระหนักดีถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีทางดิจิทัลมาปรับใช้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานยุคใหม่ที่มีความรอบรู้มากขึ้น และส่งผลให้องค์กรที่ไม่พร้อมสำหรับการปรับตัวไร้ที่ยืนทางธุรกิจ”

เชื่อมโลกจริง-ดิจิทัล

เขากล่าวว่า มีองค์กรจำนวนมากที่ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากการนำเทคโนโลยีไอโอทีมาใช้เพื่อช่วยให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้านบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ประเมินไว้ว่า ภายในปี 2563 จะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตกว่า 2 หมื่นล้านเครื่อง โดย 8 พันล้านเครื่องจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในภาคส่วนธุรกิจ จากปี 2559 ที่มีอยู่ราว 3 พันล้านเครื่อง

ทั้งนี้ ทิศทางของธุรกิจในอนาคตจะเน้นที่การเชื่อมต่อเพื่อการทำงานรวมกันที่ราบรื่น ระหว่างงานในรูปแบบกายภาพและแบบดิจิทัลบนแพลตฟอร์มและโมเดลที่หลากหลาย และด้วยการพัฒนาที่ก้าวไกลของเทคโนโลยีโลกเสมือนและความจริงเสมือน(VR/AR) การทำงานของคนในอนาคตจะมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจากการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะดังกล่าวมาใช้

อย่างไรก็ดี การปฏิบัติงานหน้างานนั้นมีความสำคัญมากขึ้นเนื่องจากเป็นที่ที่ข้อมูลซึ่งเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ถูกนำมาวิเคราะห์และใช้งานในทันที การพัฒนาของเทคโนโลยีอย่างเซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต(connected sensor), การทำสำเนาดิจิทัลของสิ่งของ(digital twins), เทคโนโลยี 5จี, และบล็อกเชน(blockchain) จะช่วยให้องค์กรสามารถเก็บรวบรวมและมองเห็นข้อมูลปลายทางที่ถูกต้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจหน้างานได้อย่างชาญฉลาดและรวดเร็ว

ภาคธุรกิจตื่นตัวลงทุน

องค์กรจำเป็นต้องเสริมประสิทธิภาพให้การปฏิบัติงานผ่านหลากหลายช่องทางเพื่อให้คนและเครื่องจักรสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต จากประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรมพบว่า เทคโนโลยีไอโอทีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย

1.เทคโนโลยีเสมือนจริง โดยเออาร์(Augmented Reality ; AR) คือการรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเสมือนเข้าด้วยกันผ่านคอมพิวเตอร์ ขณะที่ วีอาร์ (Virtual Reality ; VR) คือการจำลองสภาพแวดล้อมที่เสมือนจริงโดยใช้คอมพิวเตอร์ แม้เออาร์และวีอาร์ จะถูกมองว่าเป็นเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อผู้บริโภค แต่ในความเป็นจริงกำลังถูกนำไปใช้มากขึ้นในองค์กรธุรกิจ

ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีเออาร์ที่สามารถนำไปใช้ในคลังสินค้าหรือหน้าร้านค้าเพื่อช่วยพนักงานที่มีหน้าที่จัดการเลือกสินค้าหรือพนักงานหน้าร้านปฏิบัติงาน หรือนำมาใช้เพื่อเทรนงานให้แก่พนักงาน

2.ระบบเทคโนโลยีไร้สายรุ่นที่ 5 (5จี) กล่าวได้ว่า 5จี คือเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายซึ่งมีศักยภาพที่จะนำมาพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากในอนาคตอันใกล้ ทั้งจะกลายเป็นช่องทางการสื่อสารที่สำคัญในการส่งต่อข้อมูลจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายมากขึ้นแบบเรียลไทม์

3.บล็อกเชน (Blockchain) เปรียบเสมือนฐานข้อมูลดิจิทัลที่มีความปลอดภัย ซึ่งข้อมูลดิจิทัลจะถูกจัดเก็บไว้ยังฐานข้อมูลอันแน่นหนาและสามารถนำไปใช้ได้เฉพาะแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น ในขั้นต้นนี้มีหลายองค์กรที่เริ่มนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้เพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอาหาร, ตรวจสอบการปลอมแปลงสินค้าและการทุจริต รวมไปถึงการประสานงานระหว่างระบบซัพพลายเชน

จากผลการวิจัยของซีบราในหัวข้อ “ดัชนีองค์กรอัจฉริยะ(Intelligent Enterprise Index)” ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2561 องค์กรอัจฉริยะมีจำนวนเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะนี้มีองค์กรจำนวนมากขึ้นที่ตระหนักถึงประโยชน์ของการลงทุนเพื่อใช้งานไอโอที และการใช้ไอโอทีจะกลายเป็นกำลังหลักสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต