'ถวิล พึ่งมา' รอด! ศาลตัดสินผิด11คน คดีทุจริตเงินสจล.689ล้าน

'ถวิล พึ่งมา' รอด! ศาลตัดสินผิด11คน คดีทุจริตเงินสจล.689ล้าน

อ่านคำพิพากษาข้ามวันข้ามคืน15ชม. "ถวิล พึ่งมา" รอด! ศาลตัดสินผิด11คน คดีทุจริตเงินสจล.689ล้าน อดีตผจก.แบงก์ฉาวรวมโทษจำคุกรวม 193 ปี

ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ วันที่ 25 ธ.ค.61 เมื่อเวลา 08.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) 3 สำนวน ในคคดีหมายเลขดำ อ.1992/2558 , อ.6499/2558, อ.4592/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 11 (อัยการจังหวัดมีนบุรี) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 43 ปี อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ จำเลยที่ 1, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สจล. ที่ 2 , นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อายุ 30 ปี ที่ 3, น.ส. จันทร์จิรา โสประดิษฐ์ อายุ 30 ปี ที่ 4 , นายสมบัติ โสประดิษฐ์ อายุ 47 ปี ที่ 5 , นางระดม มัทธุจัด อายุ 58 ปี ที่ 6 , นายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ อายุ 35 ปี ที่ 7, นายภาดา บัวขาว อายุ 31 ปี ที่ 8 , นายถวิล พึ่งมา อายุ 64 ปี อดีตอธก.สจล.ที่ 9 , นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ อายุ 54 ปี อดีตผช.อธก. ที่ 10 , นายสลุต ราชบุรี อายุ 57 ปี ที่ 11 , นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ที่ 12 , นายสมพงษ์ สหพรอุดมการณ์ ที่ 13 และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ที่ 14

ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม , ร่วมกันปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม , เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือผู้อื่นโดยทุจริต , เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด , ร่วมกันฟอกเงิน , สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต , สนับสนุนพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 264, 265, 266, 268, 335, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3, 4, 8, 11 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 7, 10 , 60

จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.- 12 พ.ย.55 ต่อเนื่ิองในปี 2557 พวกจำเลยได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์เบียดบังทรัพย์ 689 ล้านบาทเศษ ของ สจล. ไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต และยังร่วมกันฟอกเงิน 303 ล้านบาทเศษด้วย ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

โดยนายถวิล และกลุ่ม อาจารย์ สจล. รวม 3 คน ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี ขณะที่บรรยากาศการอ่านคำพิพากษานั้น วันนี้ "ศาล" ได้เบิกตัวจำเลยทั้งชาย-หญิงที่ถูกคุมขังมาจากเรือนจำพิเศษมีนบุรี ส่วนจำเลยที่ได้ประกันตัวก็มาศาลครบทั้งหมด โดย "ศาล" เริ่มอ่านคำพิพากษายาวนานที่สุดของศาลจังหวัดมีนบุนีที่เคยมีมา ตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึงเวลา 01.00 น. วันที่ 26 ธ.ค.นี้
โดยเนื้อหาคำพิพากษา ความหนา 572 หน้า ซึ่งใช้องค์คณะผลัดเปลี่ยนหมุนอ่านคำพิพากษาต่อเนื่อง 12 คน ขณะที่ศาลได้พักเบรคเพื่อให้จำเลย-ญาติ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานคดี ได้รับแระทานอาหารช่วงเที่ยง เวลา 12.00-13.00 น. เศษ และช่วงเย็นอีกเมื่ิอเวลา 18.00 น.เป็นเวลานานราว 50 นาที จึงได้เริ่มอ่านคำพิพากษาต่อทั้งหมด

"ศาล" ได้พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของนายทรงกลด อดีตผจก.ธ.ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ จำเลยที่ 1 และ น.ส.อำพร ผอ.ส่วนการคลัง สจล.จำเลยที่ 2 ซึ่งศาลรับฟังพยานหลักฐานอัยการโจทก์ และ สจล.โจทก์ร่วมแล้วรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันใช้ทั้งอำนาจในหน้าที่และในฐานะส่วนตัวฉ้อฉล ลักทรัพย์เงินจากบัญชี สจล.ไปเมื่อเดือนธ.ค.57 ยอดแรกกว่า 80 ล้านบาท และยังร่วมกับนายพูนศักดิ์ จำเลยที่ 3 ฟอกเงินที่จำเลยที่ 3 ได้เปิดบัญชีรับฝากเงินไว้แล้วมีการโอนเงินยอด 55 ล้านบาท ไปเพื่อประโยชน์ของพวกตนเอง ซึ่ง "ศาล" พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยทั้ง 14 คนนำสืบหักล้างกันแล้ว

จึงให้จำคุกจำเลยรวม 11 คน ยกฟ้อง 3 คน โดยเห็นว่า การกระทำของ "นายทรงกลด" จำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามฟ้องฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง , ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม , ปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม กับฟอกเงิน จำคุกรวม 193 ปี 8 เดือน คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 145 ปี 3 เดือน โดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 10 ปี ดังนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 50 ปี โดยให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืน สจล.โจทก์ร่วมที่ 1 ตามแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ รวม 80 ล้านบาท และคืนเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ โจทก์ร่วมที่ 2 อีก 636,795,884.80 บาท

ส่วน "น.ส.อำพร" อดีต ผอ.ส่วนการคลัง สจล. จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรฯ ด้วย มาตรา 4,8 รวมจำคุกทั้งสิ้น 203 ปี ลดโทษ 1 ใน 4 คงจำคุก 152 ปี 3 เดือนโดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 10 ปี ดังนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 50 ปี โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมจำเลยที่ 1 ชดใช้เงินคืน สจล.โจทก์ร่วมที่ 1 ตามแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ รวม 80 ล้านบาท และคืนเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ โจทก์ร่วมที่ 2 อีก 608,675,884.80 บาท

ส่วนนายพูนศักดิ์ จำเลยที่ 3 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี น.ส.จันทร์จิรา ที่ 4 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน นางระดม มัทธุจัด ที่ 6 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 18 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 13 ปี 6 เดือน นายจริวัฒน์ ที่ 7 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี นายสรรพสิทธิ์ อดีตผช.อธก. ที่ 10 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 33 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 24 ปี 9 เดือน ให้ร่วมจำเลยที่ 1 และที่ 2 คืนเงิน ธ.ไทยพาณิชย์ โจทก์ร่วมที่ 2 อีก 55,972,785.80 บาท นายสลุต ที่ 11 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 9 ปี

นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด กก.บริษัทมัทธุจัด จก.ที่ 12 ที่รับโอนเงินจากการฉ้อฉลเข้าบัญชี ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 36 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 27 ปี โดยโทษกระทงหนักสุดที่จำคุกสูงสุดนั้นเกินกว่า 3 ปีแต่ไม่เกิน 10 ปี

งนั้นเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกทั้งสิ้น 20 ปี นายสมพงษ์ ที่ 13 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน และนายธวัชชัย ที่ 14 ให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 6 เดือน

ขณะที่ "ศาล" มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องในส่วนนายสมบัติ ที่ 5 , นายภาดา ที่ 8 , นายถวิล พึ่งมา อดีตอธก.สจล.ที่ 9 ภายหลังฟังคำพิพากษา "นายถวิล พึ่งมา" อดีต อธิการ สจล . กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังนั่งฟังคำพิพากษายาวนานกว่า 15 ชม. ว่า รู้สึกโอเค ขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งตนไม่ได้กระทำผิด หากอัยการจะยื่นอุทธรณ์ ก็พร้อมสู้คดี ส่วนคดีที่ตน กับพวกถูกอัยการยื่นฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนั้น ฐานยักยอกทรัพย์ สจล. และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานในองค์การของรัฐตนก็ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะตนไม่ได้กระทำผิดแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ "นายถวิล" เดินทางกลับพร้อมครอบครัวบุตรชายและบุตรสาว ขณะที่จำเลยทั้ง 11 คนที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก ญาติของจำเลยรวม 8 คน ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวทันที โดยจำเลยที่ 1,2,3 ยังไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ซึ่ง"นายอภิชาติ เทพหนู" ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี พิจารณาแล้วจึงเห็นควรให้ส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งต่อไป

โดย "นายอภิชาติ" ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี กล่าวย้ำว่า การพิจารณาคำร้องก็เน้นในเรื่องสิทธิเสรีภาพของจำเลย ในคืนนี้จึงได้แจ้งกับญาติจำเลยทุกคนให้ทราบว่าถึงสิทธิการยื่นประกัน ซึ่งตามขั้นตอนก็จะส่งสำนวนคดีพร้อมคำพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาทันทีเช้าวันที่ 26 ธ.ค.นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 21.30 น. ระหว่างอ่านคำพิพากษา "นายอภิชาติ" ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี ได้ลงตรวจความเรียบร้อยบริเวณห้องพิจารณา และการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยที่สับเปลี่ยนชุดกันตั้งแต่ช่วงกลาง-ค่ำ โดย "นายอภิชาติ" ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี ยังเปิดเผยถึงขั้นตอนการยื่นประกันตัวของจำเลยภายหลังมีการอ่านคำพิพากษาแล้วว่า ไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาในทางใด จำเลยที่ถูกพิพากษาลงโทษให้จำคุก ญาติสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวได้ภายในคืนนี้ระหว่างรออุทธรณ์คดี โดยตนในฐานะผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมีนบุรี ผู้บังคับบัญชาสูงสุด ได้อยู่พิจารณาคำร้องด้วยตนเอง

ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ญาติ และความเป็นธรรมของจำเลยทุกคนที่ได้โอกาสเท่าเทียมกันในการที่ใช้สิทธิขอปล่อยชั่วคราว

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับ นายถวิล อดีต อธก.สจล. , น.ส.อำพร ผอ.ส่วนการคลัง สจล. , นายสรรพสิทธิ์ อดีต ผช.อธก.สจล. , นายทรงกลด อดีต ผจก.ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ , นายคงฤทธิ์ อดีต ผจก.ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3 M , นายกิตติศักดิ์ , นายพูนศักดิ์ , นายจริวัฒน์ (8 คน) ก็ยังถูกดำเนินคดีในศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย เป็นคดีหมายเลขดำ อท. ฐานร่วมกันลักทรัพย์ สจล.และปลอมเอกสารถอนเงินจากบัญชี สจล.ระหว่างวันที่ 19 ก.ย.52 – 8 เม.ย.57 กว่า 700 ล้านบาทไปโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) (11), 147, 151, 157, 265, 268 ประกอบมาตรา 83, 86 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4, 8, 11 กรณีสืบเนื่องกันด้วย ซึ่ง "นายคงฤทธิ์"ได้รับการประกันตัว 800,000 บาท ส่วน "นายถวิล และนายสรรพสิทธิ์" ได้ประกันคนละ 8 ล้านบาท ขณะที่ศาลก็ได้กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นได้รับอนุญาตจากศาลด้วย โดยคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์