คลังไฟเขียว ธอส. ขยายวงเงิน-เวลาโครงการบ้านล้านหลัง

คลังไฟเขียว ธอส. ขยายวงเงิน-เวลาโครงการบ้านล้านหลัง

คลังไฟเขียว ธอส. ขยายวงเงิน-เวลาโครงการบ้านล้านหลัง พร้อมลุยตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นจองสิทธิ ก่อนทยอยประกาศรายชื่อ

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว. การคลัง ว่า รมว.การคลัง มอบนโยบายให้ ธอส. ช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการจะมีที่อยู่อาศัยให้ได้มากที่สุด เนื่องจากในการเปิดรับจองสิทธิโครงการบ้านหลังแรกรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา มีประชาชนจากทั่วประเทศยื่นขอสินเชื่อมารวมกันกว่า 1.3 แสนล้านบาท สูงกว่ากรอบวงเงินที่ตั้งไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ รมว.การคลัง ยังได้สั่งให้ ธอส. สรุปยอดผู้ขอสินเชื่อและให้เสนอแผนขยายวงเงินและระยะเวลาโครงการออกไป เพื่อเสนอให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณา ก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการในส่วนที่ขยายเพิ่มต่อไป

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. เปิดเผยว่า หลังจากนี้ธนาคารจะเริ่มตรวจคุณสมบัติผู้ยื่นเอกสารเรียงตามลำดับ และประกาศรายชื่อทาง www.ghbank.co.thรวมถึงการส่งข้อความอัตโนมัติ หรือ เอสเอ็มเอส เริ่มในวันที่ 25 ธ.ค. 2561 เพื่อให้ผู้ที่มีรายชื่อได้เตรียมยื่นเอกสารประกอบในการขอสินเชื่อซึ่งจะเริ่มให้นำเอกสารเข้ามายื่นขอสินเชื่อที่สาขาได้ตั้งแต่ 2 ม.ค. 2561หรือต้องติดต่อยื่นคำขอกู้กับธนาคารภายใน 90 วันโดยกำหนดวงเงินปล่อยกู้รอบแรกที่ 3 หมื่นล้านบาท

สำหรับ ในรอบแรกที่ปล่อยกู้ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อดูว่าคนที่รายชื่อตามประกาศจะเข้ามาขอสินเชื่อจริงเท่าไหร่ และวงเงินที่ขอสินเชื่อจะเต็มจำนวน 3 หมื่นล้านบาทหรือไม่ เพราะยอดที่ยื่นในคำขอจะอยู่ที่ 1 ล้านบาท แต่ในการปล่อยสินเชื่อจริง ทรัพย์เช่น บ้านหรือ คอนโด อาจจะมีวงเงินไม่ถึง เช่น อาจมีราคา 8-9 แสนบาท ซึ่งธนาคารจะสรุปยอดจำนวนคนและวงเงินสินเชื่อในรอบแรกได้ช่วงเดือน ก.พ. 2562 เพื่อนำยอดที่เหลือมารวมกับยอดหลังอีก 2 หมื่นล้านบาท ที่จะมีการทยอยประกาศรายชื่อในระยะต่อมา รวมถึงจะพิจารณาเรื่องการเปิดโครงการในเฟสต่อไปด้วย

ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้จองสิทธิที่มีรายชื่อติดบัญชีเครดิตบูโรยังมีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังได้ เพราะธนาคารจะผ่อนปรนโดยพิจารณาจากความสามารถการชำระหนี้และประวัติการกู้เป็นรายบุคคลไป นอกจากนี้ ธอส.ยังเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีเอกสารไม่เพียงพอหรือขาดเอกสารการเงินที่ชัดเจน ให้นำหลักฐานการชำระค่าเช่าบ้านหรือผ่อนชำระเงินดาวน์บ้านไม่น้อยกว่า 12 เดือน มาประกอบการพิจารณาเพื่อคำนวณรายได้เพิ่มได้ ขณะเดียวกันยังจัดโครงการ ธอส.โรงเรียนการเงิน ช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีประวัติทางการเงิน ซึ่งถ้ามีประวัติการออมสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าเงินงวดผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 9 เดือน สามารถใช้เป็นหลักฐานที่มาของรายได้หรือนำค่าเช่าวงเงินที่ผ่อนชำระเงินดาวน์ที่อยู่อาศัยมานับรวมเป็นการออมได้ด้วย

อย่างไรก็ดี ข้อมูลเบื้องต้น ภาคที่มียอดจองสูงที่สุด คือ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มียอดจอง 2.9 หมื่นล้านบาท สาขาภาคใต้ มียอดจอง 2.7 หมื่นล้านบาท สาขาภาคกลาง ยอดจอง 1.9 หมื่นล้านบาท กรุงเทพฯ และปริมณฑล มียอดจอง 1.8 หมื่นล้านบาท สาขาภาคตะวันออก 1.6 หมื่นล้านบาท สาขาภาคเหนือ ยอดจอง 1.3 หมื่นล้านบาท และสาขาภาคตะวันตกยอดจอง 5 พันล้าน