เปิดใจทั้งน้ำตา! 'บอล บางแก้ว' สาบานไม่ได้ทำร้าย 'เบนซ์'

เปิดใจทั้งน้ำตา! 'บอล บางแก้ว' สาบานไม่ได้ทำร้าย 'เบนซ์'

"บอล บางแก้ว" เปิดใจทั้งน้ำตาครั้งแรก! หลังถูกมองเป็นผู้ต้องสงสัยการเสียชีวิตของ "น้องเบนซ์" แฟนสาว

ยังคงเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจ สำหรับกรณีไฟไหม้คฤหาสน์หรู เป็นสาเหตุให้ “เบนซ์” แฟนสาวของ “บอล บางแก้ว” อดีตนักร้องชื่อดัง สำลักควันไฟเสียชีวิต จนฝ่ายพ่อหญิงสงสัยสาเหตุการตายของลูกสาวเพราะเสียชีวิตในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า น่าจะเกิดจากการฆาตกรรม พร้อมออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ล่าสุดรายการโหนกระแสวันที่ 21 ธ.ค. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์- เวลา 13.30-14.10 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “นายพงษ์เพชร สินสุวรรณ” หรือ “บอล บางแก้ว” ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

@ ผมเชื่อว่าคงได้ดูเทปรายการแล้ว คบกับน้องเบนซ์มานานหรือยัง

บอล: “คบกันประมาณ 6 เดือน”

@ ตอนที่รู้รักน้องเบนซ์ลักษณะท่าทางเป็นยังไง
บอล: “จริงๆ เบนซ์ก็เป็นคนร่าเริงนะครับ แต่มีมุมที่เซนซีทีฟ อาจจะเป็นเพราะเขาเคยประสพพบเจออะไรมาในชีวิต”
@ เบื้องต้นขอถามก่อน คุณพ่อของน้องเบนซ์รู้สึกไม่สบายใจ ที่น้องเบนซ์เสียชีวิต เขาบอกอาจจะถูกฆาตกรรม ผมขอถามแบบนี้ ในวันที่เกิดเรื่องเบนซ์กับคุณไม่ได้ทะเลาะกันมั้ย

บอล: “ไม่ได้ทะเลาะกันเลย ไม่มีเหตุอะไรเลย มีเหตุเข้าใจผิดกัน ในวันที่ 10 ธันวาคม ทุกวันที่ 10 เหมือนเป็นวันครบรอบ ผมเจอน้องวันที่ 10 คือเป็นวันครบรอบก็อยากจะไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ผมทำงาน ก็งอนๆ กันนิดนึง คือ ผมทำงานก็มีความเครียด ก็เลยคิดว่าคุยกันดีกว่ามีปัญหาบางอย่างที่ไม่สบายใจ เราใช้ชีวิตอึดอัดก็คุยกัน น้องเข้าใจว่าสิ่งที่ผมพูดคือการบอกเลิกเขาทางอ้อม เขาก็เสียใจ แต่ไม่ได้ทะเลาะกัน นั่งโซฟาติดกัน ไม่ได้มีลงไม้ลงมือ สาบานให้ตายโหง ผมไม่เคยทำอะไรน้องแม้แต่นิดเดียว มีวันนั้นแหละที่ดึงแขนเพราะว่าน้องวิ่ง มันมีเหตุผล คือ ผมนั่งคุยกับน้องในห้องนอน ว่ามีอะไร เป็นปัญหาที่เข้าใจผิด เรื่องคนรักเก่า ก็คุยกัน ระหว่างที่คุยกันน้องก็พิมพ์โทรศัพท์หาพี่ชาย น้องบอกเล้ง (พี่ชาย) จะเอากุญแจรถ เราก็ถามว่ากุญแจรถหนูจะเอาไปทำไมลูก รถหนูจอดในบ้านนิ เขาบอกว่าหนูลืมล็อครถ แต่หนูจอดรถในบ้านนิ เขาก็บอกไม่ใช่ๆ จอดนอกบ้าน เราก็บอกโอเคไม่ต้องเถียงกัน เขาก็บอกว่าเล้งมาถึงบ้าน เราก็ตกใจว่าเล้งรู้จักบ้านผมได้ยังไง ผมไม่ทราบว่าน้องมีการส่งสถานที่ให้ ผมก็หยิบกุญแจรถลงไปหาเล้ง ผมก็บอกเนี่ยกุญแจรถ เบนซ์ก็ไม่ขับรถไปนะ ผมรู้สึกแปลกๆ พอดีผมจะเข้าบ้านเบนซ์ก็วิ่ง ผมถามว่าคืออะไร เกิดไรขึ้น เขาก็บอกว่าพี่จะเลิกกับหนูแล้วไม่ใช่เหรอๆ ผมก็บอกว่าไม่ได้พูดแบบนั้นเลยลูก หนูเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขาโทรหาเล้งให้เข้ามา เล้งก็จับแขนน้องผมก็จับแขนน้อง เล้งก็บอกว่าพี่บอลน้องกลัว ผมบอกว่ากลัวอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรน้องเลยนะ เล้งจะกลัวอะไร น้องจะกลัวอะไร ถ้าน้องจะกลับ ผมให้กลับอยู่แล้ว เดี๋ยวขับรถไปส่งเอง ก็ยืนคุยกันสักพักนึง ผมก็ตบไหล่เล้งเบาๆ ไม่ต้องกลัวนะ เขาก็บอกว่าพี่บอลไม่ทำร้ายน้องนะ ผมก็อะไรวะ ผมไม่เคยทำร้ายเขาไง มีข้อมูลอะไร เหมือนผมเป็นตัวร้าย ผมก็บอกว่าพี่ไม่ทำแน่นอน”


@ ตอนที่เล้งมานั่งในรายการเขาบอกว่าพอคุณกระชากแขน คุณก็ไปหยิบก้อนหินก้อนนึงปาใส่บ้านตัวเอง
บอล: “ไม่ได้เอาก้อนหินปาบ้านตัวเองครับ เรื่องที่บอกว่าจะปืนยิง คือ ผมไม่ได้เป็นคนเล่นปืน ผมไม่มีปืน ไม่มีอะไรสักอย่าง คนจะทำไม่มีเหตุผลที่ต้องพูด ถ้าจะทำเลย"

@ ผมขอย้อนไปแบบนี้แล้วกัน คุณพ่อเขาบอกว่า เขาห่วงเรื่องความรุนแรง เขาบอกเบนซ์กลับไปบ้านก็จะมีร่องรอย
บอล:  “คือ จริงๆ ผมไม่อยากพูดพาดพิงอดีตแฟนผมที่เสียชีวิตมันสะเทือนใจ อย่างที่น้องมีแผล ผมอยากจะให้ดูจดหมายที่น้องเขียน ผมไปหาน้องที่ห้องก็เจอกระดาษแผ่นนึงพูดว่าคนดีที่รัก โน้น นี่ นั้น ผมก็อ่านแล้วคืออะไร เขาเข้าใจผิดว่าผมไปมีคนอื่น น้องมีความคิดว่าเป็นผู้ชายต้องมีคนอื่น ถ้าเราไม่ได้ทำ เราก็รู้สึกโกรธ เหมือนโดนยัดเยียด ผมก็ติดต่อน้องไม่ได้ พอติดต่อได้ปุ๊บ น้องอยู่ บขส. แล้ว ผมก็โกรธทำไมทำแบบนี้ละ ไปรับน้องแล้วมาคุยกัน น้องเขาเศษแก้วบาดมือ ตอนนั้นความโกรธผมหยุดเลย ก็ถามว่าทำไมทำแบบนี้ลูก เขาก็ร้องไห้ เลือดก็ไหลเต็มมือ เย็บประมาณ 9 เข็ม ผมไม่ได้ทำ ผมสาบานได้เลย”

@ อีกเรื่องหนึ่งเขาบอกว่าคุณไปหลอกลูกสาวเขา เขาบอกว่าคุณพาเบนซ์ไปที่บ้าน เจอว่ามีผู้หญิงคนนึงเดินออกมา ผมจำชื่อได้ว่าชื่อคุณ ลิน แสดงตัวว่าเป็นภรรยา
บอล:  “ไม่มีเหตุการณ์นั้นเลย ผมสามารถยืนยันได้”

@ ตอนนี้อยู่ในสายกับ คุณริน เป็นอดีตที่เคยคบหากับ คุณบอล บางแก้ว มายืนยัน คุณรินได้ดูรายการ โหนกระแส ที่เขาพูดพาดพิงถึงนะครับ
ลิน: “ได้ดูคะ ข้อเท็จจริง คือ หนูไม่เคยพูดว่าหนูเป็นเมียของพี่บอล อย่างที่พ่อเขาพูดออกมา หนูไม่เคยพูด วันนั้นหนูเข้าไปที่บ้านจริง เพื่อที่จะเข้าไปเอาของบางอย่าง ไปเอาของของหนู”

@ วันที่เขาเจอคุณริน ตอนนั้นยังคบหากับบอลอยู่มั้ย
ลิน: “ไม่ค่ะ ไม่ได้คบกันมาเป็นปีแล้วคะ แต่ไปที่บ้าน เพราะว่าเราจบกันด้วยดียังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน คนที่บ้านก็คือครอบครัว ยืนยันว่าไม่ได้พูด สาบานเลยคะ หนูกล้าสาบาน ให้หนูเป็นอะไรก็ได้ ถ้าหนูพูดอย่างนั้นจริงๆ นะ สำหรับหนูบังเอิญมาก เพราะหนูไม่รู้การเข้าออกของใคร”

บอล: “พูดง่ายๆ คือเบนซ์ได้เห็นรูป รูปหนึ่งในอินสตาร์แกรม แต่เป็นรูปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมไม่ได้พาไป ผมยังอยู่ในบ้านอยู่เลยครับ”

ลิน: “หนูเจอเขาขับรถออกมาคนเดียวจริงๆ คะ”

@ ที่ต้องยืนยัน เพราะคุณพ่อได้บอกว่าคุณบอลเป็นคนพาไป แล้วพาไปเจอเมียอยู่ที่บ้าน

บอล: “ผมจะทำแบบเพื่ออะไร ผมได้ประโยชน์อะไร”

@ เรื่องนี้เบนซ์เล่าคุณพ่อฟังมั้ย

บอล: “ผมไม่ทราบ อาจจะเล่า แต่เล่ายังไง ผมไม่ทราบ”

@ มันมีประเด็นนึงที่คุณลงไว้ว่า น้องกลัวความรุนแรง เพราะเคยถูกร่ามโซ่ไว้ในบ้าน

บอล: “น้องไม่ได้ถูกร่ามโซ่ครับ ผมไม่อยากพูดเลย น้องเล่าให้ผมฟังว่า ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นวันที่ 14 ธันวา น้องโทรหาผม ถ้าพี่เข้ามา เกินเที่ยงคืน พี่บอลโทรหาแม่ได้มั้ยผมก็โทรไป บอกว่าจะเข้าไป แม่ก้บอกว่าเข้ามาสิๆ พอเข้าไปปุ๊บ ปกติรถป๊าจะจอดอยู่ หน้าบ้านจะไม่มีรถจอด เพราะเล้งทำงานเลิกดึก ผมก็กลับรถจอดอยู่ตรงข้าม ดึกแล้วผมเลยโทรหาน้องประมาณ 10 สายก็ไม่รับ ผ่านไปประมาณ 20 นาที ผมเห็นเบนซ์เดินออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง แล้วเดินผ่านรถผมไป ผมก็ขับรถตาม แล้วเรียกเขาที่รัก เป็นไรลูก น้องก็ไม่คุยกับผม จนเกือบถึงปากทาง ผมก็มือลูบหัวเขา เขาก็บอกว่า ป๊าขังเขา ก่อนหน้านี้ 2 วัน เขาก็ปีนรั้วออกจากบ้าน เขาบอกเขาโดนขังนอกบ้าน คือ น้องเขาเป็นคนเซนซีทรีฟ เขาอาจจะคิดอะไรทุกอย่างเป็นลบก็ได้นะ น้องเขาเล่าให้ผมแบบนี้”

@ ผมถามคุณตรงๆ เลย ถ้าพาดพิงผู้ที่เสียชีวิตไป ก็ต้องขอโทษด้วย น้องเขารักกับคุณคนแรกหรือเปล่า
บอล: “ไม่ใช่ครับ เขาเคยมีแฟน จริงๆ ผมไม่อยากพูด พอมีประเด็นว่าผมซุกแฟนที่บ้าน ด้วยเรื่องภาพเก่า ผมก็ไปหาป๊า ไปถามป๊า ป๊าครับ รูปภาพนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักลูกสาวป๊า เบนซ์เคยผ่านการแต่งงานแล้วและหย่าไป ประมาณปี 55 ผมก็เลยคุยกับป๊า ว่าเบนซ์เคยแต่งงานมาแล้ว ถ้าผมเอารูปภาพเก่ามาทะเลาะมันไม่สมควร ผมรักลูกป๊า ผมไม่ได้สนใจอดีตว่าเป็นยังไง”

@ เห็นว่าก่อนเกิดเหตุหนึ่งวันคุณพาเบนซ์ไปเปิดตัวกับคุณกรช ทอมมัส
บอล: “ก็ไม่ถึงกับเปิดตัวหรอกครับ วันนั้นก็ปกติ ร่าเริง”

@ วันที่ไฟไหม้ คุณขึ้นไปช่วยยังไง ถึงช่วยไม่ได้

บอล: “ผมจะทำแบบนั้นทำไม ทำจะฆาตกรรมเพื่อให้คนมองเป็นจำเลยสังคมเพื่ออะไรไม่มีเหตุผลต้องทำ ผมมีพ่อป่วยอยู่ข้างล่างนะครับ ผมมีเอกสาร สิ่งสำคัญเต็มไปหมด ผมเผ่าบ้านเพื่อที่ฆ่าผู้หญิงคนเดียวเหรอครับ ไม่มีเหตุผล ไม่ใช่ว่าผมไม่สูญเสีย บ้านผมไม่มีประกันภัยนะครับ”

@ คุณพ่อของเบนซ์เข้าใจว่าคุณไปจุดไฟเผาเสื้อผ้าของแฟนเก่า
บอล: “ผมไม่จุดเผาอะไรทั้งนั้นนะครับ ผมไม่เคยทำ เคยมีแค่อย่างนี้ครับ ตอนที่น้องมาที่บ้าน หนูมาพี่นะ พี่จะไม่เก็บของอะไร หนูไม่ชอบอะไรหนูไม่ชอบอะไรหนูบอกพี่ จะเอาไปเผาทิ้งก็ไม่ว่าอะไรเลย มีแค่นี้เองครับ สาบานเลย”

@ ต่อสายคุยกับ กรืช ทอมมัส วันก่อนเกิดเหตุนึงวันเจอบอลหรือเปล่าครับ

กริช ทอมมัส “เจอกัน ไปกับคุณน้องเบซ์นี่แหละ เขาก็สวีทกันดีเห็นรักกันดีก็ยังแซวๆกันอยู่ รุ่งขึ้นผมเห็นภาพยังตกใจ ผมคุยกับแฟนผมว่าเพิ่งเจอน้องเขาเมื่อวาน ก็ใจหาย พอดูบ้านน้องเขาพูดเราก็เข้าใจเรื่องการสูญเสีย แต่ที่เห็นเมื่อวานมันไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาก็รักกันดี”

@ พี่เชื่อมั้ยว่าวันรุ่งขึ้นบอลจะก่อเหตุฆาตกรรมแฟนสาวตัวเอง

กริช ทอมมัส “ผมบอกว่าผมไม่เชื่อ ส่วนตัวนะ อาการที่ผมเห็นคืออาการของคนรักกัน เท่าที่คุยเขาก็เหมือนเอาจริงเอาจังกับคนนี่นะ แฟนคนนี้ไม่ใช่แฟนคนแรกของบอล เขาก็เคยมีแฟน คงมีการเลิกกับแฟนมาบ้าง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฆ่า ฆ่าเพื่ออะไร เลิกกันดีๆ แล้วบอลก็มีบ้านอยู่ บ้านหลังนั้นผมก็เคยไป ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเผาบ้านเพื่อฆ่าใครสักคน พ่อตัวเองก็ไม่สบาย พี่น้องก็อยู่เต็มบ้าน มันไม่มีอาการเลย ที่ผ่านมาบอลก้ไม่มีเรื่องทำร้ายร่างกายหรือทะเลาะกับใคร ที่ผมรู้จักเขามา 10 กว่าปี ไม่เคยเห็นเลย”

@ ในวันเกิดเหตุคุณขึ้นไปช่วยมั้ย
บอล: “ไปช่วยสิครับ ขึ้นไปทั้ง 3 ครั้ง ผมมาจากข้างล่าง ส่วนตัวผมคิดว่าน้องอาบน้ำอยู่ที่ตัวไม่เปียก อาจจะเป็นเพราะความร้อนทำให้แห้งได้ ผมก็วิ่งไปหาน้อง เข้าไปไม่ได้หายใจไม่ออก ผมก็ออกมาตั้งหลักวิ่งเข้าไปใหม่ แต่ก็เหมือนเดิม ผมก็ดึงยามให้ขึ้นมากับผม เอาโทรศัพท์เปิดไฟ แล้ววิ่งเข้าไปใหม่ ก็วิ่งเข้าไปได้เท่าเดิม”

@ ข้างบนไฟไหม้ ข้างล่างไฟฟ้าติดอยู่ เรื่องไฟฟ้าลัดวงจรมันสวนทางกัน
บอล: “ผมไม่ทราบ ว่าลัดวงจรหรือไม่ลัดวงจร แต่บ้านผมข้างหลังเป็นไฟที่แยกมาโดยเฉพาะ ไฟในบ้านก็คือก็อีกระบบนึง ผมไม่ทราบว่าไฟในบ้านเป็นระบบไหนบ้าง แต่ผมก็สูญเสียคนรักเช่นกันนะครับ (ร้องไห้)”