กูรูฟันธง! เศรษฐกิจไทยผ่านจุดสูงสุดแล้ว

กูรูฟันธง! เศรษฐกิจไทยผ่านจุดสูงสุดแล้ว

ธปท.-นักเศรษฐศาสตร์ "ฟันธง" เศรษฐไทยผ่านจุดสูงสุดแล้ว มองปีหน้าโตต่ำกว่าปีนี้ เฉลี่ย 3.7-4% มองสงครามการค้า -เศรษฐกิจโลกเป็นความเสี่ยง คาดเดายากแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยอีกหรือไม่

“กรุงเทพธุรกิจ”จัดสัมมนาใหญ่ส่งท้ายปี2561 เพื่อนำเสนอมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุน ภายใต้หัวข้อ“โค้งสุดท้ายหุ้นไทย ฟุบหรือไปต่อ?” โดยมีนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศมาฉายภาพเศรษฐกิจไทยปีหน้า บนเวทีสัมมนาเรื่อง“ส่องเศรษฐกิจปี62”

กูรูฟันธง! เศรษฐกิจไทยผ่านจุดสูงสุดแล้ว

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า การการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้า กนง.ได้ปรับลดประมาณการลงเหลือ 4% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 4.2% เพราะมองว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส1 ปีนี้ที่เติบโต 4.9% คงไม่ได้เห็นตัวเลขนี้อีกแล้ว โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาทั้งในและต่างประเทศ เช่น ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน การออกจากสหภาพยุโรป ของอังกฤษ (Brexit) ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนในตลาดการเงินโลก อย่างไรก็ตามตัวเลข 4% เป็นเพียงค่ากลาง จากความเสี่ยงที่มีสูง ก็มีโอกาสที่ต่ำกว่า4% แต่ตอนนี้การเติบโตในระดับ 4% มีความเป็นไปได้สูงสุด

กูรูฟันธง! เศรษฐกิจไทยผ่านจุดสูงสุดแล้ว

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ Trade war ที่ทวีความรุนแรงขึ้น เศรษฐกิจจีนเกิดปัญหา ความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่อาจจะกระทบกับบรรยากาศการลงทุน ในประเทศเกิดใหม่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ที่อาจกระทบกับความเชื่อมั่นของการบริโภคและภาคธุรกิจ ในระยะต่อไปก็ต้องติดตามประเด็นความเสี่ยงเหล่านี้อย่างใกล้ชิด

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้างานวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัท หลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ในปีนี้มองว่าเศรษฐกิจไทยจะจบที่ 4.2-4.3% ส่วนปีหน้าอยู่ที่ 3.7% โดยมีประเด็นที่ต้องติดตามใน 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1. เครื่องยนต์ที่เคยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตดีในปีนี้แผ่วลง ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว และยอดขายรถยนต์ ผลเศรษฐกิจโลกที่มีการเติบโตช้าลง จากผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน กระทบการท่องเที่ยวและการส่งออก การเปลี่ยนจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มาสู่มาตรการเข้มงวดทางการเงินเชิงปริมาณ (Quantitative tightening หรือ QT) ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ใน 2020

2_161

2.จับตาดูรายได้ภาคการเกษตร ซึ่งติดลบทุกปี ส่งผลให้การบริโภคฐานรากไม่ดี ขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นข้อจำกัดการบริโภค การที่จะยืมเงินในอนาคตมาใช้อาจเป็นไปได้ยากขึ้น และ 3.เรื่องการเลือกตั้งในปีหน้า สิ่งสำคัญกว่าการจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ อยู่ที่ผลการเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งไปแล้วการส่งผ่านนโยบายจะมีความต่อเนื่อง เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยหรือไม่ ถ้ามีความไม่แน่นอน นักลงทุนก็อยู่ในโหมด wait & see ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่กระเตื้อง ประเมินกรอบดัชนีในปีหน้าแนวต้านที่ 1,680 จุด และแนวรับ 1,450 จุด บนสมมติฐานกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยที่ 4%

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศไทย กลุ่มธนาคารโลก กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2562 คาดว่าจะเติบโต 3.9% โดยธนาคารโลกจะปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในช่วงมกราคม 2562 โดยมีปัจจัยที่จะต้องจับตามอง คือ นโยบายหลังการเลือกตั้ง จะทำได้ต่อเนื่องหรือไม่ ทั้งการทำนโยบาย และการลงทุนภาครัฐ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจที่สำคัญ

1_98

นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.9% โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง คือ อุปสงค์ต่างประเทศที่จะชะลอลงจากเศรษฐกิจโลกชะลอลง ภาวะการเงินทั่วโลกที่จะตึงตัวมากขึ้นรวมถึงของไทย ขณะที่ปัจจัยบวกที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะมาจากการลงทุนภาครัฐ ที่จะส่งผลดีต่อภาคการบริโภค