พี่คล้าว2018เข้าพบตร. ยื่น21ชื่อผู้บริจาคซื้อควาย ปัดเรี่ยไรเงินฉ้อโกง

พี่คล้าว2018เข้าพบตร. ยื่น21ชื่อผู้บริจาคซื้อควาย ปัดเรี่ยไรเงินฉ้อโกง

ทนายพร้อมพี่คล้าว 2018 และพยานผู้บริจาคเงินไถ่ชีวิต เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว พร้อมนำหลักฐาน 21 รายชื่อ ผู้บริจาคเงินยื่นต่อตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

จากกรณีทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ พร้อมด้วยนายบุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า ได้เดินทางเข้าไปให้ปากคำกับ พนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เหตุนายสุรัตน์ แผ้วเกตุ เรี่ยไรเงินไถ่ตัวควาย “เจ้าทองคำ” ในราคา 100,000 บาท ทั้งที่นายบุญเลิศ เป็นเจ้าของควาย ต้องการจะขายควายให้ศูนย์อนุรักษ์ควายไทย แต่ไม่ได้ขายควายให้โรงเชือดแต่อย่างใด ซึ่งทนายสงกานต์มองว่านายสุรัตน์ อาจทำผิดกฎหมายหลายข้อหา ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 ธันวาคม 2561 ที่สน.คันนายาว ทนายรัชพล ศิริสาคร ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เพจสายตรงกฎหมาย พร้อมด้วย นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ หรือ พี่คล้าว2018 และ น.ส.ย พยานผู้บริจาคเงินไถ่ชีวิต ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว พร้อมนำหลักฐานรายชื่อที่ประชาชนบริจาคเงิน เข้ายื่นให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ทนายรัชพล กล่าวว่า หลังจากที่นายสุรัตน์ ได้เดินทางเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงต่อกรณีเรี่ยไรเงินรับบริจาคไถ่ตัวเจ้าทองคำ ก่อนจะได้รับการปล่อยตัว ซึ่งนายสุรัตน์ ไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี และในวันนี้ได้พาพยาน พร้อมเอกสารรายชื่อผู้ที่ร่วมบริจาคเงินรวมแล้ว 21 ราย มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ

อย่างไรก็ตาม หากเป็นการโกงจริงตนคิดว่า พยานที่ออกมายืนยันกว่า 10 คนว่าไม่เป็นการหลอกลวงนั้น คงมีน้ำหนักมากกว่า ซึ่งทุกคนต่างไม่ใช่ญาติ และไม่ได้รู้จักกันอย่างแน่นอน

ขณะที่นายสุรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้รู้สึกสบายใจมากขึ้นที่มีคนออกมายืนยันความบริสุทธิ์ ตนขอยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงแต่อย่างใด และพยานกว่า 21 ราย บางคนอาจไม่สะดวกมาเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ แต่ทั้งหมดไม่ใช่คนรู้จัก หรือญาติตนอย่างแน่นอน ส่วนความเป็นอยู่ของเจ้าทองคำนั้น ตอนนี้มีอาการร้อนใน และเท้าพองบ้าง แต่ก็กินหญ้าร่าเริงปกติ

ขณะที่ น.ส.ย พยานที่ร่วมบริจาคเงิน กล่าวยืนยันว่า ได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเจ้าทองคำไปจำนวน 500 บาท ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งตนเห็นว่านายสุรัตน์ ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงแต่อย่างใด

สำหรับความคืบหน้าของคดีความนั้น ทนายรัชพล กล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลยังอยู่ในชั้นสอบสวน อาจต้องใช้เวลาตั้งแต่ครึ่งเดือนถึง 2 เดือนกว่าเจ้าหน้าที่จะสรุปสำนวนและจะสั่งฟ้องนายสุรัตน์หรือไม่

 ต่อมา พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว ได้ชี้แจงสาเหตุในการดำเนินคดีกับนายสุรัตน์และความคืบหน้าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากที่ผ่านมาสังคม มีการวิพากวิจารณ์กันเป็นอย่างมากถึงเรื่องดังกล่าว โดยจะชี้แจงประเด็นดังต่อไปนี้ คือ สาเหตุที่แจ้งข้อหาทั้ง 4 ข้อหากับ นายสุรัตน์ และจะมีการพิจารณาดำเนินคดีกับ น.ส.เอ นามสมมุติ นักข่าวท้องถิ่นจังหวัดชัยนาท ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ สาเหตุเนื่องจากมีการสร้างเรื่องราวตัดต่อคลิปภาพที่นายสุรัตน์ร้องไห้และใช้คำว่าไถ่ชีวิตเจ้าทองคำ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของนายบุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า ที่ให้การไว้

 พ.ต.อ.สิงห์ กล่าวอีกว่า และ กรณีที่นายสุรัตน์และทนายความได้ไปร้องต่อ ผบช.น. เพื่อให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน และขอให้ถอนข้อหานั้น ก็เป็นการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาส่วนที่มีข่าวว่าจะเรียกนักข่าวแต่ละช่องและทำการสอบสวนนั้นเราต้องการทราบข้อเท็จจริงว่าผู้ใดเป็นผู้นำส่งคลิปของนายสุรัตน์มาให้ออกอากาศและเผยแพร่ตามสื่อต่างๆเพื่อนำมาประกอบการสอบสวนเท่านั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกันทั้งสองฝ่ายและเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆทั้งหมดส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนชุดใหม่ วันนี้จึงได้ชี้แจง ให้กับพี่น้องประชาชนรับทราบและเข้าใจ กับกรณีดังกล่าว 

ทั้งนี้ ในการชี้แจงของ พ.ต.อ.สิงห์ได้ชี้แจงกับทางสื่อมวลชน โดยมีนายสุรัตน์พร้อมด้วยทนายความได้เข้าร่วมรับฟังภายในห้องประชุมด้วย