'นพดล' ไม่เชื่อแนวคิดแก้รัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่ความขัดแย้ง

'นพดล' ไม่เชื่อแนวคิดแก้รัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่ความขัดแย้ง

“นพดล” ไม่เชื่อว่าแนวคิดแก้รัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ชี้ความเห็นต่างในสังคมประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.61 นายนพดล ปัทมะ เเกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงท่าทีของเเกนนำรัฐบาลที่ระบุว่า มีการต่อต้านรัฐธรรมนูญและความเห็นของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่มีต่อความเห็นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญอาจนำไปสู่ความขัดแย้งว่า ตนเห็นว่าสังคมประชาธิปไตยควรมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและอีกฝ่ายก็มีสิทธิที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ถ้าเราเคารพความเห็นของคนอื่นและยอมรับความเห็นต่างมันก็จะไม่มีปัญหาอะไร ความเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ อย่ามองว่ามันเป็นความขัดแย้งไปหมด เมื่อมีคนเสนอแนวคิดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มันก็มีกระบวนการและขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญที่ต้องดำเนินการในรัฐสภา ที่ต้องอาศัยเสียงทั้ง ส.ว. และ ส.ส. และบางเรื่องต้องผ่านประชามติด้วย

ดังนั้น สังคมยังมีเวลาถกเถียงและผ่านความเห็นชอบตามกฎหมายและอย่างสันติ จึงไม่เห็นว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งใดๆ และเมื่อมีข้อเสนอเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานของรัฐบาลที่ยังบริหารงาน แก้ปัญหาของประชาชนได้ ไม่มีความขัดแย้งปิดถนน สถานที่ราชการ หรือความวุ่นวาย

“ความเห็นต่างในสังคมประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ จึงมีกระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการ ไม่ใช้กฎหมู่ความเห็นที่หลากหลายเหมือนดอกไม้หลากสีในสวน ขอเพียงอย่าใส่ร้ายกันด้วยความเท็จและอย่าใช้วาทะกรรมสร้างความเกลียดชังก็พอ”

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายพรรคเพื่อไทยว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ทำนโยบายแบบพรรคเพื่อไทยนั้น ถูกต้องแล้ว นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ มีสิทธิ์เลือกที่จะดำเนินการทางการเมืองในแบบของตนเองว่าจะเป็นรูปแบบใดเพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนหรือไม่ไม่เห็นจะต้องมาเกทับบลั้ฟกัน เพราะวันนี้ประชาชนเบื่อการเมืองแบบนี้ เเละอยากฟังว่าแต่ละพรรคมีนโยบายอะไรที่จะทำให้กินดีอยู่ดีมากกว่า

นายจิรายุกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเลือกแล้วที่จะดำเนินงานทางการเมืองในเชิงบวกเพื่อพี่น้องประชาชน และจะมุ่งมั่นคิดนโยบายที่มีประโยชน์ต่อประชาชนและผลงานการบริหารประเทศและนโยบายของพรรคเพื่อไทยถูกพิสูจน์เเล้วจากเศรษฐกิจที่เติบโตและความสุขของประชาชนตลอดช่วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยบริหารประเทศ

ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งจะเป็นคำตอบว่านโยบายและการบริหารงานของพรรคใดที่พี่น้องประชาชนไว้ใจให้เป็นผู้บริหารและพัฒนาประเทศในฐานะตัวแทนของประชาชน วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ควรออกมาขอกประชาชนว่าจะทำนโยบายแบบไหนเพื่อประชาชนจะดีกว่า