'สมคิด' มั่นใจจีดีพีปีนี้โตเกิน 4%

'สมคิด' มั่นใจจีดีพีปีนี้โตเกิน 4%

"สมคิด" ลั่นดันจีดีพีปีนี้โตเกิน 4% เร่งรัฐวิสาหกิจลงทุนให้ได้ 95% ของวงเงินลงทุน 4.4 แสนล้านบาท ส่งออกไตรมาสสุดท้ายขยายตัวมากกว่า 7%

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจวันนี้(21พ.ย.)ว่า ได้เร่งรัดให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายเป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อมีส่วนผลักดันให้จีดีพีในปีนี้ขยายตัวได้เกินกว่า 4% หลังจากที่ไตรมาสสามจีดีพีขยายตัวได้ลดลงเหลือ 3.3% จากไตรมาสหนึ่งขยายตัวได้ 4.9% และ ไตรมาสสองขยายตัวได้ 4.6%

"จีดีพีไตรมาสสามที่โตได้ 3.3% ก็ไม่ได้มีอะไรที่ซีเรียส โดยเกิดจากการส่งออกในเดือนกันยายนติดลบเยอะกว่าๆ 5% แต่การลงทุน การบริโภคยังดีอยู่ อย่างไรก็ดี การส่งออกมีผลถึง 70% ต่อจีดีพี จึงกระทบไตรมาสดังกล่าว แต่ยืนยันว่า ไส้ในไม่ได้มีปัญหา ความเชื่อมั่นยังมีอยู่"

เขากล่าวว่า ในปีนี้ เหลือเพียงไตรมาสสุดท้ายที่จะเร่งรัดในทุกภาคที่มีส่วนกระตุ้นจีดีพี ฉะนั้น วันนี้(21พ.ย.)จึงมาเร่งรัดให้การใช้จ่ายเพื่อลงทุนอย่าช้า ล่าสุดการลงทุนรัฐวิสาหกิจก็ใกล้เคียงเป้าหมาย ในเดือนนี้จะผสมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อดูว่า ที่สัญญาไว้ทำได้แค่ไหน เพราะฉะนั้น การเร่งรัดการใช้จ่ายรัฐวิสาหกิจ จะช่วยได้มากทุกไตรมาสเลย และคาดว่าไตรมาสสุดท้ายจะทำได้ดี

สำหรับเรื่องการส่งออกในเดือนต.ค.ขยายตัวได้ 8.7% แปลว่า มีสิทธิ์ลุ้นใน 2 เดือนสุดท้าย อย่างไรก็ดี เมื่อไปดูไส้ในที่ขยายตัวได้ 8% นั้นเป็นเพราะตลาดญี่ปุ่นโตถึงกว่า 10% เป็นประโยชน์กับไทยมาก ตลาดอาเซียนก็โต ตลาดจีนโต 3-4% แสดงให้เห็นว่า ตลาดทั้งหลายแน่นมาก

อย่างไรก็ดี สินค้าที่หดตัว คือ อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ มาจากตลาดจีนที่ส่งออกไปยังอเมริกา ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์อย่าท้อถอย พยายามซัพพอร์ตว่า เราสามารถรักษาระดับการส่งออก 2 เดือนสุดท้ายให้อยู่ในระดับนี้ ถ้าสามารถบวกทั้งไตรมาส จะยืนอยู่ได้

"อย่าลืมว่า จีดีพีคือการเติบโต คือ เอาตัวทั้งหมดหักปีที่แล้ว ส่งออก 70% ถ้าฉุด โอกาสยืนสูงๆ คงยาก แต่ถ้าส่งออกยืนได้ 7% และถ้าจีดีพีไตรมาสสามโต 3.5% จะทำให้จีดีพีภาพรวมยืนเหนือ 4%"เขากล่าวและว่า นอกจากการการลงทุนต้องเป็นเป้าหมายแล้ว การท่องเที่ยวต้องประคับประคองให้ฟื้น การใช้จ่ายรัฐบาลต้องเร่งรัด และต้องดูเรื่องการส่งออกที่สามารถควบคุมได้

ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายแก่รัฐวิสาหกิจไปว่า งบลงทุนองค์กรใหญ่ๆ อยากให้คิดล่วงหน้า เพราะยังสามารถขอสภาพัฒน์ให้ได้ โดยตนได้ชวนให้กระทรวงการคลังและคมนาคม ไปดูว่า มีโครงการอะไรที่ควรทำ เช่น ไปรษณีย์ไทย ศักยภาพสูงมาก ขณะนี้ อีคอมเมิร์ซกำลังเกิดขึ้น ตัวนี้ถ้าขยันทำจะได้มาร์เก็ตแชร์ จะได้รายได้เพิ่มขึ้น

ส่วนมาตรการช่วยเหลือคนจนที่จะกระทบต่องบประมาณนั้น เขากล่าวว่า กระทรวงการคลังรอบคอบ ส่วนที่เกี่ยวกับประชารัฐ เป็นเงินที่อยู่ในกองทุนประชารัฐ ไม่เกี่ยวข้องกับเงินอื่นๆอีกเลย ที่รัฐบาลประกาศออกมาไม่ได้มีแค่ส่วนเดียว แต่จะมีทั้งการช่วยเหลือชาวสวนยาง และ คนชรา โดยมาตรการนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งมาคิด ตนพูดเรื่องนี้มาเกือบปี เขาเพิ่งทำออกมา ถือเป็นสิ่งที่ดี

"คนวัย 65 ปี เริ่มแก่เถ้าจะไปรักษาในเมืองลำบาก ต้องช่วยเขา อันนี้เป็นเรื่องการช่วยเหลือ ส่วนแจกเงินคนละ 500 บาท เป็นการช่วยเหลือปลายปี ที่ตลอดทั้งปีลำบาก เป็นเงินไม่มาก ด้านข้าราชการบำเหน็จที่เงินเดือนไม่ถึง 1 หมื่นบาทให้ถึง 1หมื่นบาท เพื่อให้เขาอยู่ได้ เป็นสิ่งที่เขาต้องการ ยังมีอะไรอีกเยอะที่จะตามมาว่า คนชราต้องการอะไร ผู้ป่วยติดเตียงที่ยังทำไม่เสร็จ รอรัฐบาลหน้ามาทำ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลมาดูแลคนชรา เชื่อว่า รัฐบาลอื่นเข้ามาดูแลคนชรา เพราะคนชราจะมีสัดส่วนถึง 20% ของประชากรไทยในไม่ช้า"